Going
to Brisbane.
19 เม.ย.2551
เมื่อคืนพยายามถ่างตาทำงาน
แต่ก็สู้ความง่วงไม่ไหว แค่ 23:00 น.ก็ต้องเข้านอนแล้ว
รู้สึกตัวตื่นตอน 7:10 น.
พอรู้สึกตัวว่าสาย เลยรีบปฏิบัติภารกิจ ออกมา
กาแฟไม่ได้กิน เอาขนมปังมา 2 แผ่นเปล่าๆ ไม่ได้ทาแยมหรืออะไรเลย บอกโรบินว่าจะไป
Gold Coast วันนี้จะไม่กลับบ้าน จะค้างที่นั่น
แล้วก็จ้ำอ้าวไปที่ป้ายรถ ถึงป้ายรถ 7:45 น. ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ภาวนาว่าขออย่าเพิ่งให้รถไปเลย ไม่งั้นต้องรออีกชั่งโมง
รถคันต่อไปถึงจะมา
สักครู่เดียวก็โล่งใจเพราะรถมาพอดี
วันนี้รถวิ่งเร็วนะ ถึง Browns Plains แค่ 8:04 น.เอง ไปเข้าแถวรอขึ้นรถ รถออก 8:06 น. ถ้าช้ากว่านี้คงต้องนั่ง 150 แล้ว
เลือกที่นั่งริมซ้ายเพราะตั้งใจจะถ่ายรูปบริเวณที่ก่อสร้างที่ใช้ก้อนหินใหญ่ๆ
มาเรียงทำที่กั้นดิน ถ่ายได้ทันพอดี แต่ไม่ทันเครื่องหมาย
รถเอียงที่ตั้งใจจะถ่ายรูปไว้ด้วย
ตอนที่นั่งรถเข้าเมือง ต้องใช้เวลามาก
และช่วงนี้เองที่ชอบใช้ความคิด คิดเรื่องต่างๆมากมาย วันนี้ก็เช่นกัน
นึกถึงคำพูดที่พี่เบิ้มถามว่า มาออสเตรเลียครั้งนี้โรงเรียนให้ Pocket Money มาเท่าไหร่
เราบอกว่าไม่ได้ พี่เบิ้มงงนะ เพราะเป็นโรงเรียนระดับจังหวัด
พี่เบิ้มบอกว่าเมื่อปีที่แล้วที่พี่เบิ้มไปนิวซีแลนด์ ทางโรงเรียนให้ไป 20,000
บาท เพราะเป็นศักดิ์ศรีของโรงเรียน ครูทุกคนที่ไปแบบนี้จะได้ทุกคน
ฟังแล้วก็นึกถึงคำพูดของอาดุลย์ที่อยู่โรงเรียนอนุบาลสตูล
อาดุลย์บอกว่าทางโรงเรียนให้เขามา 3,000 บาท และคณะครูในโรงเรียนลงขันให้มาอีก 15,000
กว่าบาท ถ้าโรงเรียนอนุบาลนครนายกทำแบบนี้บ้างคงโดนบ่นกันหูแฉะแน่
ทำไมต้องอิจฉากันด้วยนะ ประเภทไม่อยากให้ใครได้ดีมีเยอะมาก
ประเภทขัดแข้งขัดขาก็เยอะ ประเภททำงานเอาหน้าก็เยอะอีก
อยากให้คนอื่นทำงานแทนตนหวังเหยียบบ่าคนอื่นก็เยอะอีก
ผู้บริหารบางคนก็บ้าจี้ตามเขา แล้วอย่างนี้จะมีคนอยากทำงานกี่คน
เพื่อศักดิ์ศรีของโรงเรียนบางครั้งเคยคิดที่จะหันมาทำวงดุริยางค์ให้โรงเรียนตอนก่อนเกษียณ
2 ปี
อยากให้เขารู้ว่า วงดุริยางค์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร มันไม่ใช่วงกลองยาวแบบปัจจุบัน
แต่พอคิดว่าการทำวง ต้องใช้ความเด็ดขาด ต้องมีระเบียบวินัย ต้องมีการลงโทษ
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องล้มเลิกความคิด เพราะถ้ามีการลงโทษเด็ก
คงถูกร้องเรียน แล้วคิดว่าผู้บริหารจะเข้าข้างใคร ปล่อยมันเลยตามเลยดีกว่า
ให้คนที่เขาอยากทำ ทำต่อไปจนเกษียณดีกว่านะ
รถมาถึงในเมืองแค่ 8:50 น. เอง
มาก่อนเวลานัดหมายนะ เดินไปถึงสถานีรถไฟ เห็นหลายคนมารอก่อนแล้ว ช่วงที่รอเพื่อนๆ
เราก็เอาคอมพ์ออกมาเปิดให้เพื่อนๆดู Power Point เรื่อง Flying
to Brisbane เพราะอยากเสนอแนะแนวคิดให้น้องๆในการบันทึกความทรงจำ
2 คนสุดท้ายที่มาถึงคืออาดุลย์กับอานนท์
พวกเรารีบไปตีตั๋วกัน เนื่องจากพวกเรามีตั๋วเดือนกัน ส่วนมากมีตั๋วที่ใช้ได้ถึงโซน
5 แต่เรา 3 คนมีถึงโซน 6 ดังนั้นเราจึงต้องเพิ่มค่ารถอีกคนละ 5.80 กับ 5.40
ตามลำดับ ซึ่งรวมทั้งค่ารถเมล์เข้า Gold Coast ด้วย แต่เป็นแค่เที่ยวเดียว
รถไฟมาถึง 10.01 น. ตรงตามเวลาที่ป้ายไฟวิ่งแจ้งเอาไว้
พวกเรากรูกันขึ้นโบกี้ที่ว่าง เพราะเราไปกัน 16 คน
ถ้าโบกี้ไม่ว่างเมื่อยแย่เลยเพราะรถไฟวิ่ง 1 ชั่วโมงเต็ม
วันนี้น้องปูเป็นนางเอก เริ่มตั้งแต่หาข้อมูล homestay ตารางรถไฟ
การเดินทาง ตลอดจนจอง homestay ด้วย
ถึงสถานี Nerang คนลงรถเยอะมาก เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
คนเลยมาเที่ยวกันเยอะ พอรถมาถึงคนก็เข้าแถวไปขึ้นรถ เราดึงอาดุลย์ให้มาอยู่กับเรา
แล้วบอกว่าให้คอยเก็บตกนะ ตอนแรกคิดว่าจะขึ้นรถได้ไม่หมด ที่ไหนได้ ที่ยังเหลือนะ
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มแสดงอาการ
โดยปล่อยน้ำใสๆโปรยลงมา ในขณะที่พวกเราต้องเดินกรำฝนไปหาที่พักที่น้องปูจองไว้ เดินไปประมาณ
5 นาที่
น้องปูไปติดต่อเจ้าหน้าที่ รอกันประมาณ 15 นาที
สรุปได้เลยว่าเราจองไม่สำเร็จเพราะไม่ได้โอนเงินมาให้เขาทางเน็ต เราจึงต้องไปที่
Transit Centre ทางนี้เขาแจ้งไปแล้วว่าให้หาที่พักให้กลุ่มเราด้วย
เรากับอาดุลย์รอเก็บตกเช่นเคย แต่เดินไปถ่ายรูปไป
พอข้ามถนนเท่านั้นแหละ มองไม่เห็นพรรคพวกแล้ว เดินหลงกัน 2 คน หากันไป
หากันมา สุดท้ายต้องเดินย้อนลงมาใกล้ๆกับที่จอดรถครั้งแรก แล้วก็เห็นน้องจอย
เราเลยเข้าไปสมทบกับเพื่อนๆ
รถตู้คันเล็กๆของ Homestay มารับพวกเรา 2 เที่ยวๆละ 8 คน พร้อมกับชาวนอร์เวย์และแคนาดา ไปถึงน้องปูจัดการติดต่อที่พัก
พวกเราต้องเสียค่าห้องพักคนละ 27 ดอล
แต่อาดุลย์ต้องเสียเพิ่มอีก 10 ดอลเป็นค่ามัดจำกุญแจ
ที่นี่เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น มีห้องอยู่ 30 กว่าห้อง มีห้องน้ำรวม 13-15 ห้อง
ด้านล่างด้านหน้าเป็นบาร์มีเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวขาย มีโต๊ะพูล 2 โต๊ะ บอลโต๊ะ 1 ตัว pinball 1 ตัว
มีครัวให้บริการตัวเอง มีสระน้ำเล็กๆด้วย
ฝนหยุดแล้ว
หลังจากที่พวกเราเก็บของเข้าที่กันแล้วก็เดินไปชายหาดกัน ไปถึงชายหาดถ่ายรูปได้แค่
2-3 รูป ฝนก็ตกลงมาอีก แย่จัง เราเดินตากฝนเลียบไปตามทางเดินบนชายหาด
ไปดูว่าที่เขากำลังเปิดเครื่องเสียงพากย์อะไรบางอย่างนั้น มีอะไรกัน เดินไป 10
นาทีได้นะ ไปถึงเห็นมีคนเล่นเจ็ตสกีอยู่ 2-3 คน
คนดูทยอยเดินขึ้นมาบนฟุตบาทเพื่อหนีฝน เราเดินออกมาก็เห็นป้ายขนาดใหญ่ที่บอกชื่อของสถานที่นี้ว่า
Surfer Paradise
เดินไปตามถนนเข้าไปในเมือง ช่วงนี้คนเริ่มเยอะ
เห็นมีบันไดเลื่อนสงสัยจะเป็นโรงหนัง ลองขึ้นไปบ้าง ปรากฏว่ากลายเป็น Time Zone แหล่งรวมตู้เกมไฟฟ้าขนาดใหญ่
มีตู้เกมนับร้อยตู้หลากหลายประเภททั้งสำหรับเด็กเล็กๆ เด็กโตขึ้นมาหน่อย วัยรุ่น
จนถึงผู้ใหญ่ สำหรับหาความสำราญกันอย่างเต็มที่
ก่อนเล่นคงต้องไปซื้อบัตรเหมือนบัตรเอทีเอ็ม
แล้วรูดกับเครื่องรูดที่อยู่ที่เครื่องเล่นจึงจะเล่นได้
ที่แปลกตาและไม่เคยเห็นนะคือฝึกตีกลองกับเพลงที่มีมาให้โดยจะมีสัญลักษณ์ให้ตีว่าจะตีกลองใบไหน
แฉใบไหน ตีถูกอุปกรณ์ ถูกจังหวะแต้มก็จะขึ้น
เกมชกมวย โดยผู้เล่นจะต้องกำอุปกรณ์ที่เป็นนวม
คอยชกและคอยหลบหลีกคู่ต่อสู้ให้ได้ กว่าจะจบเกมผู้เล่นเหงื่อตกไปตามๆกัน
เกมโยนโบว์ลิ่ง เกมโยนบอลชนป้าย ขี่ม้า ขับรถม้า
ขับมอเตอร์ไซค์ กบกินแมลง เกมตกปลา เกมตักขนม เกมสล็อตแมชชีน เกมสงคราม รถบั๊มพ์
โอย…..สารพัดแจกแจงกันไม่ไหว คนเล่นสนุกได้แค่ชั่วครู่ แต่เจ้าของรวยตลอดชาติ
เกมพวกนี้เล่นแล้วติด ถ้าไม่มีการหักห้ามใจแล้วละก้อ มีเท่าไหร่ก็มาทิ้งที่นี่หมด
ด้านข้างอีกด้านจะมีลานโบว์ลิ่ง
และร้านถ่ายรูปย้อนยุค ร้านนี้ถ่ายรูปแบบคาวบอยตะวันตก มีฉากแค่ 2-3 ฉาก
แต่มีเครื่องแต่งกายเป็นร้อยมั้ง ค่าถ่ายรูปก็ 50 ดอลนะ
แพงมากสำหรับเรา
ลงบันไดเลื่อนมาด้านล่างมีร้านขายกาแฟ
และอุปกรณ์มายากล รวมทั้งร้านค้าต่างๆมากมายเหมือนในห้างบ้านเรา
เดินลงไปชั้นใต้ดินเป็นร้าน Woolworths ที่เป็น
supermarket ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เหมือนโลตัสบ้านเรา
เดินดูของไปเรื่อยๆ
ตอนแรกว่าจะซื้อของสดไปทำกินกันแต่กลัวว่าจะซ้ำกับคนอื่นเลยล้มเลิกความคิด
ขึ้นบันไดเลื่อนมาที่ชั้น ground floor เห็นมีร้านทำรูปแบบที่เห็นในบริสเบน
แต่ดูราคาแล้วถูกกว่ากันมาก เพราะที่บริสเบน 1-5 รูปราคารูปละ
1.89 ดอล แต่ที่นี่ 1-5 รูป ราคารูป ละ
89 เซ็นต์เอง เลยอัดมา 5 รูป พนักงานบอกว่ารอ 10
นาที ช่วงนี้เราเลยไปโทรศัพท์หาเปี๊ยก พี่ต๊อป และพี่อู๊ด
พอมาเอารูป พนักงานกำลังปิดร้านพอดี เฮ้อ….ถ้าช้ากว่านี้
อดแน่
ออกมาเลี้ยวขวา เดินไปตามทางเรื่อยๆ
สักครู่ก็เห็นร้านขายของที่ระลึก เลยเข้าไปบ้าง โอ้โฮ……พรรคพวกเรามารวมกันอยู่ที่ร้านนี้ทั้งนั้นเลย
ที่ร้านนี้ของถูกกว่าที่ Brisbane อีก แต่ละคนคงหมดไปหลาย
เราก็ด้วยนะ
ออกมาอานนท์จะไปห้าง Woolworths เพื่อหาซื้อของมาทำอาหาร
แต่ก็แห้วเพราะร้านกำลังจะปิด เขาไม่ให้เข้าแล้ว
ออกมาหาร้าน 7-11 แล้วได้ของพอควรจึงพากันกลับ
อาหารวันนี้
1.
ข้าวไหม้ 2 หม้อเล็กๆที่มีด้าม
2.
ผัดวุ้นเส้นใส่ไข่และไก่นิดหน่อย
3.
ไข่เจียวน้ำมันเนย 6 ฟอง
กินกันเสร็จพวก Backpacker คนอื่นๆมาชวนลงขันเล่นพูล
คนละ 2 ดอล พวกเราไม่
มีใครเล่นเป็นเลยปฏิเสธ
และชวนร่วมปาร์ตี้คนละ 30 ดอล พวกเราปฏิเสธเช่นเคย
สักครู่อานนท์ชวนเราไปเล่นพูล
เราเล่นไม่เป็นนะแต่อานนท์สอนให้เล่น ใช้เหรียญ 2 ดอล
หยอดลูกจึงออกมาให้เล่น เราแพ้อานนท์ฉิวเฉียด เกมต่อมาอานนท์เล่นกับสมพร
จากนั้นเราก็ชวนอานนท์กับอาดุลย์ไปหากาแฟกินกัน
ที่ปากทางมีปั๊ม mobil
เราไปใน super ในปั๊ม ได้ latte มา 1 แก้ว 2.20 ดอล
แต่โชคร้ายน้ำตาลหมด ก็คงต้องเลยตามเลยนะ
ชวนกันเดินเข้าเมืองไปเรื่อยๆ
ผ่านลานสวนสนุกยักษ์ที่อยู่กลางตัวเมืองในที่โล่งแจ้ง
ไม่มีคนเล่นแล้วเพราะเขากำลังปิดเครื่อง
เข้าไปในเมืองผ่านถนนคนเดินคงคล้ายๆพัฒน์พงษ์ในเมืองไทย
เลยไปจนถึงห้างที่เราผ่านมาตอนเย็น เห็นมีเอลวิสตัวปลอมกำลังชวนเด็กๆล้อมวงเล่นเกม
เราไม่รู้ว่าเขามีจุดมุ่งหมายอะไรกัน เราเลยชวนกันขึ้นไป Time Zone ดูท่าทางอานนท์คงอยากเล่นบ้างแต่ไม่กล้า พออีก 20 นาที
4 ทุ่มเราจึงชวนกันกลับเพราะรู้มาว่าที่ homestay จะปิดตอน 4 ทุ่ม
ไปถึงอีก 5 นาที 4 ทุ่ม ว่าจะเขียนไดอารี แต่ทนง่วงไม่ไหว
เอาไว้รวบยอดแล้วกันนะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
รถเมล์มาส่งที่นี่
อาคารส่วนหนึ่งใน Gold Coast
Cheers Homestay
ศูนย์การค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น