วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Flying to Brisbane 14


Going to Brisbane.

19 เม..2551

          เมื่อคืนพยายามถ่างตาทำงาน แต่ก็สู้ความง่วงไม่ไหว แค่ 23:00 .ก็ต้องเข้านอนแล้ว รู้สึกตัวตื่นตอน 7:10 .

พอรู้สึกตัวว่าสาย เลยรีบปฏิบัติภารกิจ ออกมา กาแฟไม่ได้กิน เอาขนมปังมา 2 แผ่นเปล่าๆ ไม่ได้ทาแยมหรืออะไรเลย บอกโรบินว่าจะไป Gold Coast วันนี้จะไม่กลับบ้าน จะค้างที่นั่น แล้วก็จ้ำอ้าวไปที่ป้ายรถ ถึงป้ายรถ 7:45 . ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ภาวนาว่าขออย่าเพิ่งให้รถไปเลย ไม่งั้นต้องรออีกชั่งโมง รถคันต่อไปถึงจะมา

สักครู่เดียวก็โล่งใจเพราะรถมาพอดี วันนี้รถวิ่งเร็วนะ ถึง Browns Plains แค่ 8:04 .เอง ไปเข้าแถวรอขึ้นรถ รถออก 8:06 . ถ้าช้ากว่านี้คงต้องนั่ง 150 แล้ว

เลือกที่นั่งริมซ้ายเพราะตั้งใจจะถ่ายรูปบริเวณที่ก่อสร้างที่ใช้ก้อนหินใหญ่ๆ มาเรียงทำที่กั้นดิน ถ่ายได้ทันพอดี แต่ไม่ทันเครื่องหมาย รถเอียงที่ตั้งใจจะถ่ายรูปไว้ด้วย

ตอนที่นั่งรถเข้าเมือง ต้องใช้เวลามาก และช่วงนี้เองที่ชอบใช้ความคิด คิดเรื่องต่างๆมากมาย วันนี้ก็เช่นกัน นึกถึงคำพูดที่พี่เบิ้มถามว่า มาออสเตรเลียครั้งนี้โรงเรียนให้ Pocket Money มาเท่าไหร่ เราบอกว่าไม่ได้ พี่เบิ้มงงนะ เพราะเป็นโรงเรียนระดับจังหวัด พี่เบิ้มบอกว่าเมื่อปีที่แล้วที่พี่เบิ้มไปนิวซีแลนด์ ทางโรงเรียนให้ไป 20,000 บาท เพราะเป็นศักดิ์ศรีของโรงเรียน ครูทุกคนที่ไปแบบนี้จะได้ทุกคน

ฟังแล้วก็นึกถึงคำพูดของอาดุลย์ที่อยู่โรงเรียนอนุบาลสตูล อาดุลย์บอกว่าทางโรงเรียนให้เขามา 3,000 บาท และคณะครูในโรงเรียนลงขันให้มาอีก 15,000 กว่าบาท ถ้าโรงเรียนอนุบาลนครนายกทำแบบนี้บ้างคงโดนบ่นกันหูแฉะแน่ ทำไมต้องอิจฉากันด้วยนะ ประเภทไม่อยากให้ใครได้ดีมีเยอะมาก ประเภทขัดแข้งขัดขาก็เยอะ ประเภททำงานเอาหน้าก็เยอะอีก อยากให้คนอื่นทำงานแทนตนหวังเหยียบบ่าคนอื่นก็เยอะอีก ผู้บริหารบางคนก็บ้าจี้ตามเขา แล้วอย่างนี้จะมีคนอยากทำงานกี่คน

เพื่อศักดิ์ศรีของโรงเรียนบางครั้งเคยคิดที่จะหันมาทำวงดุริยางค์ให้โรงเรียนตอนก่อนเกษียณ 2 ปี อยากให้เขารู้ว่า วงดุริยางค์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร มันไม่ใช่วงกลองยาวแบบปัจจุบัน แต่พอคิดว่าการทำวง ต้องใช้ความเด็ดขาด ต้องมีระเบียบวินัย ต้องมีการลงโทษ พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องล้มเลิกความคิด เพราะถ้ามีการลงโทษเด็ก คงถูกร้องเรียน แล้วคิดว่าผู้บริหารจะเข้าข้างใคร ปล่อยมันเลยตามเลยดีกว่า ให้คนที่เขาอยากทำ ทำต่อไปจนเกษียณดีกว่านะ

รถมาถึงในเมืองแค่ 8:50 . เอง มาก่อนเวลานัดหมายนะ เดินไปถึงสถานีรถไฟ เห็นหลายคนมารอก่อนแล้ว ช่วงที่รอเพื่อนๆ เราก็เอาคอมพ์ออกมาเปิดให้เพื่อนๆดู Power Point เรื่อง Flying to Brisbane เพราะอยากเสนอแนะแนวคิดให้น้องๆในการบันทึกความทรงจำ

2 คนสุดท้ายที่มาถึงคืออาดุลย์กับอานนท์ พวกเรารีบไปตีตั๋วกัน เนื่องจากพวกเรามีตั๋วเดือนกัน ส่วนมากมีตั๋วที่ใช้ได้ถึงโซน 5 แต่เรา 3 คนมีถึงโซน 6 ดังนั้นเราจึงต้องเพิ่มค่ารถอีกคนละ 5.80 กับ 5.40 ตามลำดับ ซึ่งรวมทั้งค่ารถเมล์เข้า Gold Coast ด้วย แต่เป็นแค่เที่ยวเดียว

รถไฟมาถึง 10.01 . ตรงตามเวลาที่ป้ายไฟวิ่งแจ้งเอาไว้ พวกเรากรูกันขึ้นโบกี้ที่ว่าง เพราะเราไปกัน 16 คน ถ้าโบกี้ไม่ว่างเมื่อยแย่เลยเพราะรถไฟวิ่ง 1 ชั่วโมงเต็ม

วันนี้น้องปูเป็นนางเอก เริ่มตั้งแต่หาข้อมูล homestay ตารางรถไฟ การเดินทาง ตลอดจนจอง homestay ด้วย

ถึงสถานี Nerang คนลงรถเยอะมาก เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คนเลยมาเที่ยวกันเยอะ พอรถมาถึงคนก็เข้าแถวไปขึ้นรถ เราดึงอาดุลย์ให้มาอยู่กับเรา แล้วบอกว่าให้คอยเก็บตกนะ ตอนแรกคิดว่าจะขึ้นรถได้ไม่หมด ที่ไหนได้ ที่ยังเหลือนะ

ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มแสดงอาการ โดยปล่อยน้ำใสๆโปรยลงมา ในขณะที่พวกเราต้องเดินกรำฝนไปหาที่พักที่น้องปูจองไว้ เดินไปประมาณ 5 นาที่ น้องปูไปติดต่อเจ้าหน้าที่ รอกันประมาณ 15 นาที สรุปได้เลยว่าเราจองไม่สำเร็จเพราะไม่ได้โอนเงินมาให้เขาทางเน็ต เราจึงต้องไปที่ Transit Centre ทางนี้เขาแจ้งไปแล้วว่าให้หาที่พักให้กลุ่มเราด้วย

เรากับอาดุลย์รอเก็บตกเช่นเคย แต่เดินไปถ่ายรูปไป พอข้ามถนนเท่านั้นแหละ มองไม่เห็นพรรคพวกแล้ว เดินหลงกัน 2 คน หากันไป หากันมา สุดท้ายต้องเดินย้อนลงมาใกล้ๆกับที่จอดรถครั้งแรก แล้วก็เห็นน้องจอย เราเลยเข้าไปสมทบกับเพื่อนๆ

รถตู้คันเล็กๆของ Homestay มารับพวกเรา 2 เที่ยวๆละ 8 คน พร้อมกับชาวนอร์เวย์และแคนาดา ไปถึงน้องปูจัดการติดต่อที่พัก พวกเราต้องเสียค่าห้องพักคนละ 27 ดอล แต่อาดุลย์ต้องเสียเพิ่มอีก 10 ดอลเป็นค่ามัดจำกุญแจ

ที่นี่เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น มีห้องอยู่ 30 กว่าห้อง มีห้องน้ำรวม 13-15 ห้อง ด้านล่างด้านหน้าเป็นบาร์มีเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวขาย มีโต๊ะพูล 2 โต๊ะ บอลโต๊ะ 1 ตัว pinball 1 ตัว มีครัวให้บริการตัวเอง มีสระน้ำเล็กๆด้วย

ฝนหยุดแล้ว หลังจากที่พวกเราเก็บของเข้าที่กันแล้วก็เดินไปชายหาดกัน ไปถึงชายหาดถ่ายรูปได้แค่ 2-3 รูป ฝนก็ตกลงมาอีก แย่จัง เราเดินตากฝนเลียบไปตามทางเดินบนชายหาด ไปดูว่าที่เขากำลังเปิดเครื่องเสียงพากย์อะไรบางอย่างนั้น มีอะไรกัน เดินไป 10 นาทีได้นะ ไปถึงเห็นมีคนเล่นเจ็ตสกีอยู่ 2-3 คน คนดูทยอยเดินขึ้นมาบนฟุตบาทเพื่อหนีฝน เราเดินออกมาก็เห็นป้ายขนาดใหญ่ที่บอกชื่อของสถานที่นี้ว่า Surfer Paradise

เดินไปตามถนนเข้าไปในเมือง ช่วงนี้คนเริ่มเยอะ เห็นมีบันไดเลื่อนสงสัยจะเป็นโรงหนัง ลองขึ้นไปบ้าง ปรากฏว่ากลายเป็น Time Zone แหล่งรวมตู้เกมไฟฟ้าขนาดใหญ่ มีตู้เกมนับร้อยตู้หลากหลายประเภททั้งสำหรับเด็กเล็กๆ เด็กโตขึ้นมาหน่อย วัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ สำหรับหาความสำราญกันอย่างเต็มที่

ก่อนเล่นคงต้องไปซื้อบัตรเหมือนบัตรเอทีเอ็ม แล้วรูดกับเครื่องรูดที่อยู่ที่เครื่องเล่นจึงจะเล่นได้ ที่แปลกตาและไม่เคยเห็นนะคือฝึกตีกลองกับเพลงที่มีมาให้โดยจะมีสัญลักษณ์ให้ตีว่าจะตีกลองใบไหน แฉใบไหน ตีถูกอุปกรณ์ ถูกจังหวะแต้มก็จะขึ้น

เกมชกมวย โดยผู้เล่นจะต้องกำอุปกรณ์ที่เป็นนวม คอยชกและคอยหลบหลีกคู่ต่อสู้ให้ได้ กว่าจะจบเกมผู้เล่นเหงื่อตกไปตามๆกัน

เกมโยนโบว์ลิ่ง เกมโยนบอลชนป้าย ขี่ม้า ขับรถม้า ขับมอเตอร์ไซค์ กบกินแมลง เกมตกปลา เกมตักขนม เกมสล็อตแมชชีน เกมสงคราม รถบั๊มพ์ โอย…..สารพัดแจกแจงกันไม่ไหว คนเล่นสนุกได้แค่ชั่วครู่ แต่เจ้าของรวยตลอดชาติ เกมพวกนี้เล่นแล้วติด ถ้าไม่มีการหักห้ามใจแล้วละก้อ มีเท่าไหร่ก็มาทิ้งที่นี่หมด

ด้านข้างอีกด้านจะมีลานโบว์ลิ่ง และร้านถ่ายรูปย้อนยุค ร้านนี้ถ่ายรูปแบบคาวบอยตะวันตก มีฉากแค่ 2-3 ฉาก แต่มีเครื่องแต่งกายเป็นร้อยมั้ง ค่าถ่ายรูปก็ 50 ดอลนะ แพงมากสำหรับเรา

ลงบันไดเลื่อนมาด้านล่างมีร้านขายกาแฟ และอุปกรณ์มายากล รวมทั้งร้านค้าต่างๆมากมายเหมือนในห้างบ้านเรา

เดินลงไปชั้นใต้ดินเป็นร้าน Woolworths ที่เป็น supermarket ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เหมือนโลตัสบ้านเรา เดินดูของไปเรื่อยๆ ตอนแรกว่าจะซื้อของสดไปทำกินกันแต่กลัวว่าจะซ้ำกับคนอื่นเลยล้มเลิกความคิด

ขึ้นบันไดเลื่อนมาที่ชั้น ground floor เห็นมีร้านทำรูปแบบที่เห็นในบริสเบน แต่ดูราคาแล้วถูกกว่ากันมาก เพราะที่บริสเบน 1-5 รูปราคารูปละ 1.89 ดอล แต่ที่นี่ 1-5 รูป ราคารูป ละ 89 เซ็นต์เอง เลยอัดมา 5 รูป พนักงานบอกว่ารอ 10 นาที ช่วงนี้เราเลยไปโทรศัพท์หาเปี๊ยก พี่ต๊อป และพี่อู๊ด พอมาเอารูป พนักงานกำลังปิดร้านพอดี เฮ้อ….ถ้าช้ากว่านี้ อดแน่

ออกมาเลี้ยวขวา เดินไปตามทางเรื่อยๆ สักครู่ก็เห็นร้านขายของที่ระลึก เลยเข้าไปบ้าง โอ้โฮ……พรรคพวกเรามารวมกันอยู่ที่ร้านนี้ทั้งนั้นเลย ที่ร้านนี้ของถูกกว่าที่ Brisbane อีก แต่ละคนคงหมดไปหลาย เราก็ด้วยนะ

ออกมาอานนท์จะไปห้าง Woolworths เพื่อหาซื้อของมาทำอาหาร แต่ก็แห้วเพราะร้านกำลังจะปิด เขาไม่ให้เข้าแล้ว

ออกมาหาร้าน 7-11 แล้วได้ของพอควรจึงพากันกลับ

อาหารวันนี้

1.      ข้าวไหม้ 2 หม้อเล็กๆที่มีด้าม

2.      ผัดวุ้นเส้นใส่ไข่และไก่นิดหน่อย

3.      ไข่เจียวน้ำมันเนย 6 ฟอง

กินกันเสร็จพวก Backpacker คนอื่นๆมาชวนลงขันเล่นพูล คนละ 2 ดอล พวกเราไม่

มีใครเล่นเป็นเลยปฏิเสธ และชวนร่วมปาร์ตี้คนละ 30 ดอล พวกเราปฏิเสธเช่นเคย

          สักครู่อานนท์ชวนเราไปเล่นพูล เราเล่นไม่เป็นนะแต่อานนท์สอนให้เล่น ใช้เหรียญ 2 ดอล หยอดลูกจึงออกมาให้เล่น เราแพ้อานนท์ฉิวเฉียด เกมต่อมาอานนท์เล่นกับสมพร จากนั้นเราก็ชวนอานนท์กับอาดุลย์ไปหากาแฟกินกัน

          ที่ปากทางมีปั๊ม mobil เราไปใน super ในปั๊ม ได้ latte มา 1 แก้ว 2.20 ดอล แต่โชคร้ายน้ำตาลหมด ก็คงต้องเลยตามเลยนะ

          ชวนกันเดินเข้าเมืองไปเรื่อยๆ ผ่านลานสวนสนุกยักษ์ที่อยู่กลางตัวเมืองในที่โล่งแจ้ง ไม่มีคนเล่นแล้วเพราะเขากำลังปิดเครื่อง

          เข้าไปในเมืองผ่านถนนคนเดินคงคล้ายๆพัฒน์พงษ์ในเมืองไทย เลยไปจนถึงห้างที่เราผ่านมาตอนเย็น เห็นมีเอลวิสตัวปลอมกำลังชวนเด็กๆล้อมวงเล่นเกม เราไม่รู้ว่าเขามีจุดมุ่งหมายอะไรกัน เราเลยชวนกันขึ้นไป Time Zone ดูท่าทางอานนท์คงอยากเล่นบ้างแต่ไม่กล้า พออีก 20 นาที 4 ทุ่มเราจึงชวนกันกลับเพราะรู้มาว่าที่ homestay จะปิดตอน 4 ทุ่ม

          ไปถึงอีก 5 นาที 4 ทุ่ม ว่าจะเขียนไดอารี แต่ทนง่วงไม่ไหว เอาไว้รวบยอดแล้วกันนะ



-------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 ข้าวไหม้ 2 หม้อเล็กๆ


                                  รถเมล์มาส่งที่นี่
 Homestay ที่จองไว้แต่พลาด


                        อาคารส่วนหนึ่งใน Gold Coast
 มาตั้งหลักที่ Transit Centre


                               Cheers Homestay

                                      ศูนย์การค้า
 

ไม่มีความคิดเห็น: