วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Flying to Brisbane 20



Going to Brisbane.
25 เม..2551
          วันนี้เป็นวัน ANZAC DAY เทียบได้กับวันทหารผ่านศึกในบ้านเรา ที่นี่เริ่มส่งทหารเข้าร่วมสงครามตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และก็ส่งทหารไปร่วมรบกับที่อื่นเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะมติสหประชาชาติมั้ง
          รีบตื่นเพราะต้องรีบไปจุดนัดพบ ออกจากบ้าน 6:40 พอไปถึงวงเวียนนึกเอะใจ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของที่นี่ รถเมล์อาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาเดินรถ เปิดกระเป๋าเอาแผนผังการเดินรถออกมาออกมาดู และก็เป็นจริงตามที่คิดเพราะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดอื่นๆ รถเมล์จะมาตอน 7:45 เลยต้องเดินกลับบ้านอีกครั้ง
          วันนี้ไมเคิลกับราฟาเอลจะไปค้างที่ Gold Coast พอได้เวลาก็ออกจากบ้านพร้อมกัน 3 คน ไมเคิลกับราฟาเอลแยกไปขึ้นรถหน้าโรงเรียน แต่พอรถมาเราพบอาดุลย์ อานนท์ ไมเคิล ราฟาเอลและเพื่อนร่วมบ้านอาดุลย์ที่เป็นชาวบราซิลอีกคนบนรถ
          วันนี้ไม่ลงที่ Cultural Centre แต่นั่งรถต่อไป รถข้ามสะพานและลงไปท่ารถที่ใต้ดินสงสัยจะสุดสายที่นี่ ชวนกันหาทางเดินขึ้นมาข้างบน แล้วเดินไปที่จุดนัดพบ
          ระหว่างทางวันนี้คนบางตาอาจเป็นเพราะเช้าเกินไป หรือไม่ก็ร้านค้าปิดกันหมดก็ไม่รู้ ไปถึงปู แอน หญิง จอย อูม อัญ มาคอยกันอยู่แล้ว สักครู่น้องไหวก็มาถึง
          เห็นอะไร พบอะไรวันนี้ถ่ายรูปดะไปหมด พอจะเริ่มตั้งขบวน เรากับปูก็ไปดักรอที่จุดเริ่มขบวน หาที่นั่งกันเสร็จสรรพ ก็ข้างทางริมฟุตบาทนั่นแหละ ช่วงนี้คนเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ
          ขบวนเริ่มเดินเวลา 10:00 . เริ่มจากทหารม้า 1 นายและ 3 นาง และขบวนต่อๆมาก็ไหลตามกันมา ซึ่งขบวนเหล่านี้พระเอกคือบรรดาทหารผ่านศึกที่ผ่านสมรภูมิต่างๆซึ่งจะมีป้ายบอกของแต่ละขบวนว่าเป็นหน่วยใด ผ่านสมรภูมิใด สงสารก็แต่คนถือป้ายผ้า เพราะเป็นป้ายขนาดใหญ่ต้องถือทวนกระแสลม ทำให้หนักมาก ต้องแบก ลาก จูงกันหลายคน บางป้ายไม้หรืออลูมิเนียมที่ใช้ทำเสาถึงกับหักก็มี
แต่ละช่วงจะมีวงดุริยางค์ของโรงเรียนต่างๆ หรือไม่ก็ชมรมดนตรีต่างๆ ดุริยางค์ผู้สูงอายุทั้งชายล้วน หญิงล้วน มีทั้งวงปี่สก๊อต และเครื่องทองเหลือง ตามด้วยรถยนต์เปิดเพลงมาร์ช นำหน้าแต่ละขบวน บางขบวนก็เป็นรถเก๋ง ทั้งใหม่และรถโบราณ รถแท็กซี่ รถตู้ ให้บรรดาทหารผ่านศึกที่สูงอายุนั่ง พอผ่านไปจุดใด ก็จะได้ยินเสียงปรบมือต้อนรับตลอดทาง
          สิ่งที่ประทับใจในการดูขบวนพาเหรดในวันนี้คือการเล่นกับธงและแทมโบลีนของขบวนดุริยางค์ต่างๆ เราสามารถเอาแนวคิดนี้ไปใช้ในกีฬาสีของโรงเรียนเราได้ แต่ไม่ขอพูดถึงดุริยางค์ของอนุบาลฯ
          2 ชั่วโมงแล้ว ขบวนก็ยังไม่หมด เลยพากันไปหาของกินกันเพราะเที่ยงกว่าแล้ว แต่ร้านค้าส่วนมากปิด พอลงไปชั้นใต้ดินร้านอาหารญี่ปุ่นร้านคนจีน ร้านแมคโดนัลเปิด คนเข้าแถวรอกันยาวเลย น้องปูพาออกไปหาร้านข้างนอกทานกัน แต่ก็ปิดอีก เลยตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า คือไป Outlet เป็นห้างขายของที่คนไทยเรารู้จักกันดี
          นั่งรถไปเกือบชั่วโมงจึงถึง แต่ที่น่าขำนะ เรานั่งรถไปจนสุดสาย ปูก็ไปถามคนขับถึงการต่อรถไป Outlet คนขับก็อธิบายให้ฟัง พอเราลงรถมาน้องปูบอกว่าให้รอรถ 308 ที่นี่ สักพักได้ยินเสียงคนไทยเถียงกันว่ารถ 308 มาแล้ว อีกคนบอกว่าเมื่อกี้เห็นเบอร์รถเป็น 300 นะ แต่ทำไมกลายเป็น 308 เราก็มองตาม อ้าว…..จริงนั่นแหละก็คันที่เรานั่งมานั่นแหละ เปลี่ยนเบอร์รถเป็น 308 ไปแล้ว เบอร์รถที่นี่เขาใช้ป้ายไฟวิ่ง แล้วทำไมเมื่อกี้คนขับจึงไม่บอก
          กลุ่มเด็กไทยกลุ่มนี้มาเรียนที่ Queensland University กันรู้แค่นี้ เราไม่อยากถามมาก แค่เจอคนไทยด้วยกันก็ดีใจแล้ว
          ไปถึง Outlet ก็พากันไปศูนย์อาหารเลย เดินดูหลายรอบก็ไม่ถูกใจสักอย่าง เลยมานั่งรอน้องๆที่โต๊ะ หญิงซื้อเฟรนช์ฟรายด์กับไก่ชุบขนมปัง ปูซื้อปลาชุบขนมปัง จอยซื้อเฟรนช์ฟรายด์ แอนซื้อพิซซ่า อานนท์ซื้อโดนัทกับอะไรน้าคล้ายๆน้ำปั่น เราเหรอ…..อิอิอิ ไม่ได้ซื้ออ่ะเพราะไม่มีอะไรถูกใจและไม่ค่อยหิวด้วย เลยนั่งชิมของสาวๆแทน
          เดินดูร้านค้าที่นี่แล้วก็เพลินตาเพลินใจแต่ไม่เพลินกระเป๋า เพราะแพงมากเมื่อเทียบกับเงินไทย เช่นเสื้อยืดกระจอกๆปาเข้าไปอย่างน้อยก็ 10 ดอลหรือ 300 บาท ซึ่งก็มีไม่เท่าไหร่นะ
          เข้าไปในร้าน Billabong เห็นกระเป๋าสตางค์ลดราคา คิดว่าจะซื้อไปฝากจี๊ปเพราะยังไม่มีอะไรให้จี๊ปเลย และราคาแค่ 15 ดอล น่าสนนะ แต่พอหยิบดูพลิกไปพลิกมาก็เจอคำว่า “Made in China” เลยวางเลย ราคาขนาดนี้เก็บตังค์ไปซื้อที่นครนายกจะได้ของที่ดีกว่านี้ ถูกกว่านี้เยอะ
          ทำไมนะคนเขาถึงคิดว่าของนอกต้องดีกว่าของไทยเรา ลองไปดูเถอะห่วยๆกว่าเรามีเยอะมากและราคาก็แพงกว่ากันมากด้วย พูดได้ว่า ด้อยคุณค่าแต่แพงไปด้วยราคา
          พูดถึงสินค้าต่างๆที่ขายกันในออสเตรเลียนี่ ส่วนมากจะเขียนว่า Made in China ของที่ระลึกที่พวกเราซื้อไปฝากคนทางบ้าน ร้อยละร้อย ทำในเมืองจีนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจิงโจ้ โคอาล่า หมวก ธง พวงกุญแจ ปากกา บูมเมอแรง แต่ที่ทำในออสเตรเลียก็มีนะ แต่แพง ใครล่ะอยากซื้อของแพง
          นัดกันบ่ายสามโมงตรง แต่ปรากฏว่าปู อานนท์ และจอยมากันตอน 3:13 รถออกไปแล้วเลยต้องรอรถเที่ยว 3:43 เรากับอานนท์มั่นใจเลยว่าตกรถที่ Browns Plains ชัวร์
          แล้วก็เป็นจริงดังคาด เพราะไปถึง Browns Plains ตอน 5:20 ซึ่งรถหมดไปแล้ว เลยต้องเดินกลับกัน หลงทาง 2-3 หน กว่าจะถามทางคนแถวนั้นได้
          เดินคุยกันมาเรื่อยๆเพื่อให้ลืมความเมื่อยล้า แยกกับอานนท์ตรงวงเวียนหน้าห้าง เดินหาตู้โทรศัพท์เพื่อจะโทรไปเมืองไทย พอหยอดเหรียญ กดรหัส เครื่องกลับบอกว่าเงินเราหมดแล้ว เรางงนะเพราะเมื่อวานซืนเครื่องยังบอกว่าเหลือเวลาที่โทรได้อีก 19 นาทีเมื่อวานไม่ได้โทร แต่ทำไมวันนี้เงินจึงหมดไปได้ เลยต้องเดินกลับเอาไว้ไปหาซื้อบัตรโทรศัพท์ใหม่ก่อน
วันนี้ถึงบ้านประมาณ 6:40 เดินกันเมื่อยเลย แต่เราก็พอใจเพราะจะได้เป็นการออกกำลังกายด้วย
          อาหารเย็นวันนี้ เส้นสปาร์เก็ตตี้ราดด้วยมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นเล็กๆโปะด้วยปลานึ่ง เปรี้ยวมากกกกกเลย กว่าจะกินได้แต่ละคำ น้ำตาตกใน แต่ก็กินไปจนเกือบหมด กลับไปถึงสุวรรณูมิเมื่อไหร่ จะขอข้าวผัดก่อนเลย สั่งเตรียมไว้ให้ด้วยนะ  อย่าลืมล่ะ

-------------------------------------------------------------


ไม่มีความคิดเห็น: