วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Flying to Brisbane 22


Going to Brisbane.
27 เม..2551
          เมื่อคืนมานอนบนโซฟาหน้าจอโทรทัศน์ เพราะไม่อยากรบกวนราฟาเอล วันนี้เลยตื่นโดยไม่มีนาฬิกาปลุก วันอาทิตย์ตื่นสายได้เพราะรถเที่ยวแรกมาตอน 7:41 .
          ตอนแรกว่าจะไม่เอาคอมพ์ไปด้วยเพราะวันนี้ตั้งใจไปเดินตลาดนัด แต่ก็ต้องเอาไปเพราะไม่อย่างนั้นจะส่งงานทางอีเมลได้อย่างไร ถ้าเราเอาข้อมูลใส่ Handy Drive ไป เกิดเจ้าของร้านเน็ตไม่ยอมให้เราเสียบ Handy Drive ล่ะ เสียงานแน่ๆเลย อายุปูนนี้แล้วไม่อยากโดนถอนหงอก
          หนักก็หนัก แต่ก็ต้องไปแบกทุกวัน บางวันไหล่นี้ชาไปหมดเลย
          ไปถึงป้ายรถเมล์ 7:30 . รอจน 7:45. รถจึงมา พอขึ้นรถไปก็ต้องประหลาดใจ เพราะทั้งคันมีเรากับคนขับเท่านั้น คิดว่าเดี๋ยวก็ต้องมีคนขึ้น แต่ก็ไม่มี ไปจนถึง Browns Plains เลย มีกันแค่นี้เอง แสดงว่าขนส่งมวลชนของที่นี่มีความรับผิดชอบสูงมาก รถต้องออกตามเวลาแม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารก็ตาม ถ้าเป็นเมืองไทย อืมมม….ว่าไงดีล่ะ คิดเอาเองแล้วกัน
          เมื่อวานถามโรบินว่าทำไมคนที่นี่ไม่ปลูกไม้ผลตามบ้านเลย ที่เมืองไทยอย่างน้อยถ้ามีที่ก็ต้องปลูกมะม่วงบ้างสักต้น 2 ต้น เธอบอกว่าไม้ผลปลูกกันแต่ในไร่ในสวนเท่านั้น ชาวบ้านไม่ปลูกมะม่วงเพราะต้นมันใหญ่ กินที่มาก พอวันนี้สังเกตข้างทางก็เป็นจริงอย่างว่า เพราะทุกบ้านที่ปลูกต้นไม้ ต้นไม้ทุกต้นจะมีลำต้นเล็กๆเอง
          ปั๊มน้ำมันก็มีเป็นสิบเจ้ามั้ง จำไม่ไหวว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง ที่รู้ๆก็คือ เชลล์ คาร์ลเท็กซ์ BP, 7-11 และอะไรอีกก็จำไม่ได้
          ห้างก็เยอะเช่นกัน ศูนย์การค้าจะมีเป็นหย่อมๆ อยู่ใกล้ทุกชุมชน ในแต่ละศูนย์การค้า ก็มีหลายห้างประชันกัน แบบที่เคยเล่าให้ฟัง
          ไปถึง Cultural Centre Station เกือบ 9 โมงแล้ว เจอน้องปูรออยู่ บอกเธอว่าขอไปส่งงานทางอีเมลก่อน แล้วเดินไปหองสมุด ส่งงาน Joleene ส่งไฟล์ไดอารี่ไปหาเปี๊ยก และ chat กับเปี๊ยกได้ครู่เดียวก็ต้องรีบไป วันนี้ยังไม่แน่ใจว่าน้องปูจะพาไปไหนและจะมีใครไปด้วยบ้าง
          กลับไปที่จุดนัดพบ พบน้องปูคนเดียว เลยชวนกันไป South Bank ไปดูตลาดนัดที่นี่กันก่อน ที่นี่จะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย Griffith และชายหาดจำลอง ของขายมีมากมายหลายอย่าง ตอนแรกเราไม่กล้าถ่ายรูปเพราะวันก่อนที่มากับน้องอัญ เธอขอถ่ายรูปร้านขายตุ๊กตาแต่โดนปฏิเสธ แต่ตอนหลังก็แอบถ่าย แต่ถ่ายมุมไกลแบบไม่ใช้แฟลช
          ที่นี่เช่นกันได้นาฬิกาไปฝากเปี๊ยกกับแจ๊ป ว่าจะซื้อกระเป๋าตังค์ไปให้จี๊ปแต่ก็กลัวเจอหนังปลอม แต่ราคาถูกกว่าใน City
          จากจุดนี้ไปนั่งดูชายหาดจำลองกัน เขาพยายามทำให้เหมือนหาดจริงๆทุกอย่าง ทรายก็เอามาจากชายหาด ก้อนหินใหญ่ๆ ต้นมะพร้าว นก มีพร้อม มีแม้กระทั่งหอสำหรับ Lifeguard 2 ที่เลย
          และอีกด้านหนึ่งก็กำลังสร้างชายหาดอีกแห่งหนึ่ง วันนี้มีผู้ปกครองพาเด็กไปเล่นน้ำเยอะพอสมควร เห็นที่นี่แล้วไม่อยากนึกเปรียบเทียบกับที่บ้านเรา ที่นี่เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของเขา มีที่พักผ่อนหย่อนใจมากมาย ตามชุมชนทุกที่จะต้องมีสวนสาธารณะ และอีกอย่างหนึ่งคนที่นี่เขาก็มีวินัย มีการรักษาสาธารณสมบัติโดยไม่มีการทำลาย ประชาชนรู้คุณค่าของสิ่งที่รัฐจัดให้ เขารู้จักการรักษาและมารยาทในการใช้ของร่วมกัน
          สถานที่พักผ่อนทุกที่แทบจะไม่มีรถเข็นให้เห็น เคยเห็นอยู่คันหนึ่งที่หน้า Botanic Garden และวันนี้เห็นรถไอศกรีมคันเดียว แต่ก็เห็นที่ท่าเรือ
          เดินมาคอยเรือที่ท่าเรือ เห็นชาวอะบอริจินมานั่งเป่าเครื่องดนตรี พอน้องปูจะไปถ่ายรูปเขาบอกว่า No photo. น้องปูเลยเก็บกล้อง
          น้องปูวางแผนการเดินทางว่า วันนี้จะล่องเรือไปจนสุดสายแล้วไปขึ้นฝั่งที่ River Side ที่นี่จะมีตลาดนัดด้วย ขึ้นไปเดินดูตลาดกัน เห็นสินค้าแปลกๆก็หลายอย่างเอาไว้ดูรูปก็แล้วกัน และที่นี่เองที่ได้นาฬิกาของฝากอีก 2 เรือน ได้กระเป๋าตังค์ให้จี๊ป อืมมม….คงเหลือแต่ของคุณแม่
          ท้องเริ่มร้องน้องปูชวนไปทานอาหารที่ศูนย์อาหาร ได้ข้าวกับไก่โทริยากิ 5:80 ดอล รสชาติเข้มข้นดีทานเกือบหมดนะ แต่ที่ไม่หมดเพราะข้าวที่เหลือพอเย็นแล้วแข็งมาก เคี้ยวไม่ไหว
          ที่นี่จะมีคนเล่นกีต้าร์เปิดหมวก 2 คน เล่นแนวคลาสสิคกีต้าร์ ตอนที่เดินผ่านมาก็มีเล่น 3 คน มีที่ห้อยเม้าธ์ออร์แกนด้วยแต่เขาเอามาเสียบเครื่องเป่าที่คล้ายๆแคนบ้านเรา แต่เจ้านี้เขาขาย CD ของเขา ไม่ได้เล่นแบบเปิดหมวก
          อ้อ……ตอนที่เดินดูของที่ South Bank ก็มีเจ้าหนึ่งนะ เล่นแอ็คคอเดี้ยน กำลังเล่นเพลง Speak Softly Love น้องปูบอกว่าเป็นชาวอิตาลี่ ถึงว่าสิ ทำไมถึงเล่นเพลงนี้
          เดินดูของสักพัก ก็ชวนกันหาทางไป China Town กัน พอรถเมล์มาก็ขึ้นไปแล้วถามคนขับ ก็โอเคนะ ลงรถที่สี่แยกแล้วลงเดินไป
          ตลาดนัดที่นี่ส่วนมากของที่นำมาขาย มาจากเมืองจีนทั้งนั้น ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ น้องปูบอกว่าให้ไปถนน Brunswick ที่อยู่ใกล้กัน พอไปถึงก็เห็นร้านค้าร้านหนึ่ง กางโต๊ะออกมาตามทางเท้า มีดนตรีวงขนาดย่อมเล่นอยู่ เล่นกัน 6-7 คน ครบวง ที่จำได้คือผู้หญิงจะเล่นดับเบิ้ลเบส มีกลองบองโก้ ออร์แกน กีต้าร์ 3 คน ประมาณนี้ เล่นได้ดีนะเท่าที่ฟังผ่านๆ
          ร้านค้าที่นี่มีทั้งของมือ 1 และมือ 2 ที่น่าประทับใจคือ มีถุงน่องทำเป็นรอยสัก สวมแล้วถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าเป็นถุงน่อง จะนึกว่าเป็นรอยสักจริงๆ
          เห็นร้านๆหนึ่งห้อยเสื้อผ้าแบบของชาวเหนือ เข้าไปคุยจึงรู้ว่าเป็นคนไทย มาจากเชียงรายแต่สำเนียงเหมือนชาวเขา ที่เห็นแล้วขำคือเสื้อกล้ามกระทิงแดง 2 ตัว 35 ดอล
          ร้านนวดตัวจะมี 2-3 ร้าน แต่ไม่ใช่ของคนไทยเห็นเป็นคนจีนกับฝรั่ง ดูราคาแล้วไม่กล้านวด นวดคอ 10 นาที 10 ดอล ถ้านวด 70 นาที 50 ดอล โอย……ราคาขนาดนี้นวดที่เมืองไทยได้เป็นปีเลย
          ดูแว่นตาที่วางขายเยอะแยะ แต่ละอันมียี่ห้อทั้งนั้น ลองดู Ray Ban แบบคล้ายๆของเรา 15 ดอล ประมาณ 450 บาท แต่เราซื้อที่บ้าน 69-79 เอง
          น้องปูทราบมาว่าเลยร้านอาหารไทยวิวัฒน์ไปทางสี่แยกจะมีร้านขายของชำราคาถูก เธอยากไปหาซื้อของเพราะ Host ของเธอเหมือนกับของเราคือทำอาหารไม่ถูกปาก เธอกินไม่ได้เลย เธออยากได้ของกินแบบไทยๆบ้างจึงลองไปกันดู
          ด้านล่างของตึกส่วนหน้าเป็นร้านโชห่วยเจ้าของเป็นคนจีนมีอาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงรส อาหารสดอาหารดิบมากมาย เอาเป็นว่าเป็นสินค้าของชาวเอเซียก็แล้วกัน บะหมี่มีทุกยี่ห้อที่ในเมืองไทยมี น้ำพริกหลายอย่าง ซ้อส น้ำปลา ซีอิ๊ว ปลากระป๋อง ขนมจีบ ซาลาเปา โอยเยอะมาก เสียดายว่ามาเจอเอาตอนที่จะกลับแล้ว ไม่งั้นพวกเราคงไม่อดอยากกันหรอก
          ของที่น้องปูได้หนักไปทางบะหมี่สำเร็จรูปกับเครื่องกระป๋อง เราได้ปลากระป๋องตราปลายิ้มไป 2 กระป๋อง เอาไว้ไปกินมื้อกลางวันกัน คราวนี้ละอร่อยแน่
          ก่อนออกมา ขึ้นไปชั้น 2 เพราะที่นี่เป็นร้านขาย ละคร หนัง รายการทางโทรทัศน์ของคนไทย เลยเดินขึ้นไปคุยกับเจ้าของร้านดู แล้วถือโอกาสสำรวจของในร้านด้วย เยอะนะ….ทั้งเพลง ทั้งหนัง ละคร รายการโทรทัศน์ มีทั้งแผ่นปั๊มและแผ่นก๊อป ถ้าแกรมมี่มาเห็นคงหัวเราะไม่ออกแน่
          นั่งรถกลับไป Cultural Centre แต่เราขอลงไปซื้อบัตรโทรศัพท์ก่อน ให้น้องปูกลับไปก่อน ได้บัตรโทรศัพท์และไปซื้อ Postcard เพราะไม่แน่ใจว่าจะได้ไป City อีกไหม ว่าจะส่ง Postcard กลับเมืองไทย แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะหาไปรษณีย์ได้ที่ไหน แล้วเดินไปแถวลูกบอลยักษ์นึกว่าจะมีวงดนตรีมาเล่น แต่ก็ไม่มี เลยเดินไปขึ้นรถที่ Cultural Centre พบน้องรุ่งกับน้องอิ๋ว แต่คุยกันได้ไม่เท่าไร รถเราก็มา
          ไปถึง Browns Plains 4:30 .ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง เลยโทรศัพท์ไปคุยกับเปี๊ยก แล้วนั่งรถกลับบ้าน
          วันนี้ราฟาเอลพาเพื่อนชาวบราซิลมาด้วย คุยกันเสียงดังไปหมด โรบินคงมีความสุขมากที่มีไอ้บ๊องมาอยู่ด้วย
          เหลือเวลาอีกแค่ 6 วันเองจะได้กลับบ้านแล้ว จะมีเวลาได้พักผ่อนแค่ไหนนะ เพราะงานมารออยู่แล้วเพียบเลย เอาไว้กลับบ้านก่อนค่อยคิดดีกว่า

--------------------------------------------------------------------------




 

ไม่มีความคิดเห็น: