วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Flying to Brisbane 23


Going to Brisbane.
28 เม..2551
          รู้สึกตัวตอน 6 โมงเช้าพอดี ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกเพราะไปนอนบนโซฟาหน้าทีวี ชงกาแฟ แล้วไปอาบน้ำ สระผมอย่างดี แต่งตัวออกมา 6:39 . กาแฟเย็นได้ที่พอดี แต่ไม่มีเวลากินขนมปังนะ ออกจากบ้าน 6:45 ต้องรีบออกเดินแล้ว เดี๋ยวตกรถ
          เดินไปถึงทางแยกบริเวณวงเวียนเห็นบนพื้นมีรอยขูดเหมือนลบเส้นขาวบนถนน เขาคงกลัวว่าคนขับรถจะเข้าใจผิดเลยต้องลบออก แต่ไม่เห็นมีอย่างนี้ในเมืองไทย
          วันนี้ไปส่งอีเมลถึงเปี๊ยกที่หน้าห้องสมุด แนบไฟล์เกี่ยวกับการล่องเรือและการไป China Town ภาค 2 แล้วก็ chat msn กัน พอ 9:20 ก็ต้องเลิก chat เพราะจะรีบไปพิพิธภัณฑ์
          พิพิธภัณฑ์เปิดตอน 9:30 . พอเข้าไปเจ้าหน้าที่ถามว่าถ้าจะเข้าพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ต้องเสียค่าบัตร 10 ดอล แต่ถ้าเข้าพิพิธภัณฑ์ธรรมดา เข้าฟรีแต่ต้องขึ้นไปชั้นบน เราเลยต้องขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไป
          ออสเตรเลียเป็นประเทศเกิดใหม่ วัฒนธรรมและอารยธรรมก็มาจากประเทศอังกฤษ ดังนั้นในส่วนแรกก็เป็นเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ของชาวออสซี่ยุคเริ่มแรก ด้านซ้ายเป็นเรื่องของชีวิตสัตว์ทะเล และตรงลานตรงกลางมีโครงกระดูกไดโนเสาร์ สันนิษฐานว่าที่ออสเตรเลียเคยเป็นที่อยู่ของไดโนเสาร์
          เข้าไปด้านในเป็นเรื่องของสัตว์ทะเลต่างๆ เรื่องของชาวเมืองยุคแรก และเรื่องของชาวอะบอริจินซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองบ้าง
          เดือนนี้เป็นเดือนของวัน ANZAC DAY ซึ่งเป็นวันที่สำคัญที่สุดของชาวออสซี่ ดังนั้นด้านในถัดไปจึงเป็นเรื่องของวีรบุรุษนักรบ 3 นายของเขา มีประวัติ เหรียญตรา และภาพยนตร์ให้ดู เขาทำขึ้นอย่างให้เกียรติมากที่สุดทีเดียว
          ถัดไปเป็นยานพาหนะประเภทต่างๆ มีทั้งเครื่องบิน รถยนต์ รถลาก รถเจ๊ก รถดับเพลิงโบราณ เรือเดินสมุทร เรือใบ และที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างคือ ซากเครื่องบินที่ตก ทำให้นักบินที่มีชื่อเสียงของเขาเสียชีวิต กว่าจะพบซากเครื่องบิน เวลาก็ผ่านไปแล้วกว่า 20 ปี
          ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง เป็นเรื่องของ MUSEUM ZOO เป็นการเปรียบเทียบขนาดของสัตว์ต่างๆกับคนเรา ซึ่งมีตั้งแต่หมีขาว เสือ สิงโต ปลาประเภทต่างๆ ไปจนถึงนก หนู และแมลงต่างๆ โครงกระดูกของไดโนเสาร์ ด้านหน้ามีประวัติและวิดิโอของการบิน ดูแล้วขำมาก
          ห้องต่อไปเป็นวิถีชีวิตของสัตว์ต่างๆ จัดทำเป็นส่วนๆบ้าง ตู้บ้าง มีจิงโจ้ ค้างคาว หนู กบ และ ฯลฯ
          ถัดไปมีของต่างๆปนกันแยกไม่ค่อยออก มีทั้งอุปกรณ์ของคนยุคแรกของที่นี่ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ของชาวอะบอริจิน มีด ดาบ ปืนเยอะมาก มีซากสัตว์ทะเล เปลือกหอยต่างๆ นกประเภทต่างๆที่สต๊าฟเอาไว้ โอย……เยอะมาก
          ในช่วงนี้มีนักเรียนมัธยมมาเยี่ยมชมด้วย ก็คงเหมือนกันทุกที่ เพราะเอ็ดเสียงดังเหมือนกันไปหมด
          ขึ้นไปชั้นสุดท้าย ห้ามถ่ายรูป เป็นเรื่องราวของชาวอะบอริจิน มีทั้งวิถีชีวิต อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องดนตรีที่เขาเรียกว่า didgeridoo ที่เป็นกระบอกยาวประมาณ 1.5 เมตร เอาไว้เป่าเป็นเสียงต่าง เครื่องแต่งกาย บูมเมอแรง และที่น่าปลื้มคือ รูปและประวัติของชาวอะบอริจินที่มีชื่อเสียง
          เคยคิดอยู่อย่างหนึ่งว่า จีน อียิปต์ กรีก โรมัน และชาวมายา ต่างก็มีวัฒนธรรมอันยาวนาน แต่ทำไมไม่มีบูมเมอแรง ทำไมชนเผ่าอะบอริจินที่เป็นเหมือนชาวป่าที่ไม่มีอารยธรรมกลับมีเครื่องมืออย่างนี้ น่าคิดนะ
          ดูชั้นนี้จบพอดูเวลา 10:00 .แล้ว เลยต้องรีบไปเรียน
          ชั่วโมงแรกวันนี้เป็นการสังเกตการสอนของ Vicki ในชั่วโมง Business ก็เหมือนกับการสอนของคนอื่นที่ดูมา เพราะดำเนินการสอนตามหนังสือที่กำหนดกิจกรรมไว้ให้พร้อมแล้ว เพียงแต่ว่าใครจะกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดและพูดอภิปรายได้มากกว่าเท่านั้น Vicki ไม่ค่อยเขียนบนกระดาน ไม่เหมือน Ben วันนี้ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเป็นคำศัพท์เกี่ยวกับการทำสัญญาทางธุรกิจ ซึ่งคำศัพท์ในหมวดนี้ เราแทบไม่มีความรู้เลย เอาไว้กลับไปบ้าน จะต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้ สัญญาไว้แล้ว
          พอหมดชั่วโมงก็ไปสอบ Exit Test ในห้อง Ilab 1 ตอนแรกเป็นการสอบการฟัง 10 ข้อ ยากนะ ไม่รู้ว่าได้ถึงครึ่งไหม ตอนที่ 2 เป็นหลักไวยากรณ์บ้าง สิ่งที่พบในชีวิตประจำวันบ้างอีก 50 ข้อ และตอนสุดท้ายเป็นการทดสอบการอ่านเก็บใจความ 10 ข้อ ทั้ง 70 ข้อนี้ให้เวลาแค่ 45 นาทีเอง แต่เราใช้เวลา 37 นาทีนะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ถึง 50 ไหม ก็ต้องลุ้นเอาอีกที
          น้องไหวอยู่กลุ่ม 2 ไปทานข้าวมาแล้ว อาดุลย์ก็ต้องรีบไปละหมาด เรา อานนท์กับหญิงเลยไปทานข้าวร้านชาวมาเลย์เซียกัน 3 คน สั่งต้มยำไก่ ปลาหมึกผัดน้ำพริกเผา เราเปิดปลากระป๋อง และอานนท์ปอกไข่ต้ม 2 ฟอง โอสวรรค์ วันนี้ค่าอาหาร 23.80 ดอล ก็คนละ 8 ดอล
          มีเวลาพักแค่ครึ่งชั่วโมงเอง อย่างไรก็ไปไม่ทันอยู่ดี แต่ไม่ใช่ความผิดของเรานะ กว่ารถเมล์จะมา กว่าเราจะไปถึงห้องเรียนก็เลยเวลาไป 20 นาทีแล้ว Joleene ไม่ว่าอะไร
          การสอนแบบ 3P upside down เป็นการสอนแบบยึดผลงานเป็นหลักคือ ปกติจะสอนแบบ present, practice และ production แต่วิธีนี้จะย้อนกลับคือ production, practiceและ present มันคงคล้ายๆกับ Backward Design
          ชั่วโมงสุดท้ายให้แต่ละกลุ่มออกไปสาธิตการสอนศัพท์ กลุ่มเราอานนท์ออกไปสอน ได้เรากับอาดุลย์ก็ฮากันตรึม ยิ่งอานนท์ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ทำให้หลุดประจำ แต่ทุกคนก็มีความสุข
          เมื่อคืนวานโดนโรบินบ่นว่ากินนมของไมเคิลหมด ก็เราไม่รู้ เห็นบอกว่าของในตู้เย็นกินได้หมด และนมในตู้เย็นเรากินแค่แก้วเดียวก็หมด โรบินบอกว่าให้กินกาแฟได้อย่างเดียว อืมมม…..ก็ได้ วันนี้พอกลับมาถึงบ้านธรรมดาจะต้องกินน้ำส้ม 1 แก้ว วันนี้เลยกินน้ำเย็นแทน
          ปลาเนื้อหยาบต้มโรยซ้อสหวานๆวางบนข้าวสวยแฉะๆ คืออาหารในวันนี้ กว่าจะกินหมดนะ ก็ใช้เวลานานโขอยู่เหมือนกัน ตามด้วยกาแฟ 1 แก้ว จบ ห้ามกินอะไรอีก เดี๋ยวโดนบ่นอีก ยิ่งใกล้เวลากลับบ้านมากเท่าไร รู้สึกว่าโรบินจะไม่ค่อยให้เกียรติเราเหมือนเดิม
          พรุ่งนี้เริ่มเรียน 8:15 . จะไปถึงทันเวลาไหมนะ เพราะเดี๋ยวนี้รถติด แต่คงไม่เป็นไรเพราะทุกคนรู้แล้วว่าเราอยู่ไกล แฮ่ม…..พรุ่งนี้จะเอาปลากระป๋องที่เหลือไปด้วย

---------------------------------------------------------------------



ไม่มีความคิดเห็น: