วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Flying to Brisbane 26


Going to Brisbane.
1 ..2551
          เมื่อคืนนอนหลับอุ่นสบายเพราะโรบินเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้อีก 1 ผืน นอนบนโซฟาก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องกังวลว่าจะไปรบกaวนใคร
          อากาศหนาวมาก (12 องศา) เลยถือโอกาสไม่อาบน้ำ ออกจากบ้านพร้อมขนมปังทาแยม 2 แผ่นตอน 6:30 วันนี้ตั้งใจว่าจะเดินไปขึ้นรถ 560 ที่อาดุลย์กับอานนท์นั่งประจำ ระหว่างทางก็ถ่ายรูปตู้รับจดหมายแปลกๆหน้าบ้านข้างทาง และป้ายจราจรแถวหน้าโรงเรียน
          อากาศเย็นจนต้องเอามือล้วงกระเป๋าเพื่อคลายอาการปวดกระดูก รถมาตามเวลา พอขึ้นรถก็เจอ 2 สหายเช่นเดิม
          ที่วันนี้ต้องมาขึ้นรถที่นี่เพราะต้องไปถึงโรงเรียนก่อน 8:20 . วันนี้มีรายการไปศึกษาดูงานที่ St. Stephen’s Collage ที่ Gold Coast รถสายนี้ไปทางตรงไม่อ้อมเหมือนสาย 542 ที่เรานั่งประจำ ลองจับเวลาดูไปถึง Browns Plains ใช้เวลาแค่ 10 นาที ไวกว่าประมาณ 8 นาที
          จาก Browns Plains อานนท์ชวนนั่งสาย 540 เพราะเป็นรถสายด่วนทางไกล มีแค่ชั่วโมงละคันเท่านั้น คนไม่ค่อยนิยม ใช้เวลาเร็วกว่าปกติ แค่ 7:55 ก็ถึง Cultural Centre แล้ว เดินไปโรงเรียนสบายๆ ไปถึงแค่ 8:05 วันนี้แปลกอยู่อย่างที่สาวๆพากันถ่ายรูปหน้าโรงเรียน เราเลยต้องขอแจมด้วยคน
          ขึ้นรถที่ Kate หามาประมาณ 8:25 . ไปถึง St. Stephen’s Collage ประมาณ 9:20 จากนั้น Sam สาวใหญ่ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ก็มาแนะนำโรงเรียนให้ทราบและพาไปเดินดูรอบๆบริเวณโรงเรียน
           โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชนที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กไปจนถึงเกรด 12 และยังมีการสอนภาษาอังกฤษแบบ intensive English สำหรับนักเรียนต่างชาติตั้งแต่ไม่รู้เรื่องไปจนถึงใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เท่าที่เห็นในวันนี้ส่วนมากจะเป็นชาวญี่ปุ่นกับเกาหลี
          นอกจากนี้ยังมีการสอน Dancing และ Music โดยจะมีอาคารแยกต่างหาก รายละเอียดนอกเหนือจากนี้ไม่ทราบเพราะ Sam ไม่ได้พาไปดู
          อาคารเรียนจะเป็นแบบ 2 ชั้น หรือแค่ชั้นเดียว แต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนไม่มาก ประมาณ 22 คนต่อห้อง และทุกห้องจะเชื่อมกับห้องคอมพิวเตอร์แบบ 2 ต่อ 1 ส่วนห้องเด็กเล็กก็จะมีประมาณห้องะ 4 เครื่อง
          ภายในอาคารห้องสมุดจะมีบู๊ทสำหรับนั่งทำงานส่วนตัว และมีที่สำหรับอ่านหนังสือ แต่ที่ขาดไม่ได้คือเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับให้เด็กได้ค้นคว้า
          ที่ชอบใจมากคือเครื่องเล่นสนามจะมีหลายสถานีอยู่ในชุดเดียวกัน และพื้นจะปูด้วยยางเหมือนกับยางปูลู่วิ่งในสนามกีฬา และมีผ้าใบขึงกันแดด
          เด็กเล็กจะมีเครื่องเล่นและอุปกรณ์การเรียน การเล่น เกมต่างๆมากมาย ในแต่ละห้องจะมีห้องเล็กสำหรับเก็บอุปกรณ์การเรียนการสอน ห้องน้ำสำหรับเด็ก อ่างล้างมือ ชั้นเก็บของสำหรับเก็บอุปกรณ์ของเด็ก และแยกสัดส่วนสำหรับการจัดกิจกรรมแต่ละอย่าง ยอมรับว่าอุปกรณ์การเรียนการสอนของโรงเรียนเราในแต่ละห้องมีไม่ถึง 1 ใน 10 ที่เขามี เราคงต้องทุ่มงบประมาณในส่วนนี้อีกเยอะ
          ธรรมชาติเป็นสิ่งที่เขาหวงแหน มีป่า(คล้ายๆกับป่าโกงกางในบ้านเรา)อยู่ติดด้านหลังโรงเรียนและมีสระน้ำเพื่อแยกส่วนระหว่างโรงเรียนกับสนามกีฬา ถ้าเข้าไปในสนามบ๊าสเราคงงงเพราะตีเส้นสนามต่างๆไว้มากมายแยกเป็นสีต่างๆ จนไม่รู้ว่าสนามไหนเป็นสนามอะไร
          ก่อนกลับมีการมอบของที่ระลึกถ่ายรูปร่วมกันและทางโรงเรียนแจกเอกสารประกอบ CD ROM เพราะเขาคงรู้ปัญหาของพวกเรา เลยไม่อยากให้พวกเราต้องขนของหนักๆกลับบ้าน แค่ CD แผ่นเดียวก็บรรจุไว้หมดแล้ว
          กลับไปถึงโรงเรียน 11:45 อาดุลย์กับน้องไหวต้องรีบไปทานข้าวแล้วไปละหมาด เลยไม่ได้ไปกินข้าวร้านมาเลย์ ตกลงกันไว้ว่าพรุ่งนี้ถึงจะไป วันนี้เรา อานนท์กับสาวๆประมาณ 7 คนเลยไปทานข้าวกันที่ร้านเวียตนามเจ้าเก่า
          12:30 เข้าห้อง Ilab ก่อนอื่นเรามอบของที่ระลึกให้ Joleene น้องๆอีก 4-5 คนก็ให้ตาม สักครู่ Joleene ให้ไปรวมกันที่ห้อง Ilab 2 ที่อยู่ติดกัน แจกผลการวิจารณ์การสอนให้ทุกคนยกเว้นเรา เพราะเราไม่ได้ออกไปสอนในวิชาของเธอ เราออกไปในวิชาของ Lindy เท่านั้น จากนั้น Joleene ก็มอบของที่ระลึกเป็นหมีโคอาล่าหนีบช้อกโกแล็ตให้ทุกคน ตอนหลังของเหลืออีก 1 ชิ้นจึงมอบให้เราให้นำไปให้แฟนที่บ้าน
          วันนี้ Joleene สอนการใช้ Internet โดยให้เข้าเว็บต่างๆ และได้แจกชี้ทเกี่ยวกับเว็บที่น่าสนใจมากมาย เราก็ลองดูบางเว็บ อืมมม …. ใช้ได้ดีทีเดียว และตอนนี้เองที่แอบเปิดอีเมล ก็ได้รับอีเมลของเปี๊ยกนะ แต่ไม่ได้ส่งกลับเพราะไม่มีไฟล์ข้อมูล และคีย์บอร์ดก็ไม่มีภาษาไทย
          ตอนเลิกไปส่งงาน Power Point ที่โต๊ะทำงานของ Joleene ออกมานัดกับปูและเพื่อนๆว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกันหลังเลิกเรียน แล้วอาดุลย์กับน้องไหวก็ชวนไป Queen Street Mall อีกครั้งเพื่อไป Shopping กันครั้งสุดท้าย
          ที่ร้าน Duty Free ร้านเก่า เราซื้อ Pencil Case เพิ่มอีก 3 ใบ อาดุลย์กับน้องไหวก็ซื้ออีกคนละ 6 อัน แล้วก็เข้าร้านนี้ ออกร้านโน้นกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายเราได้เสื้อให้จี๊ปอีก 1 ตัว 10 ดอล นาฬิกาให้คุณแม่ ให้โต และสำหรับบ้านเรา ถึงตอนนี้ต้องขอเล่ารายละเอียดสักนิด
          เราเอานาฬิกาไปให้พนักงานตั้งเวลาให้ ตามเวลาในเมืองไทย เพราะต้องการเช็คความสมบูรณ์ของเครื่องโดยที่เราไม่ต้องทำเอง ผลปรากฏว่า 2 เรือนแรกผ่านไปได้ด้วยดี แต่พอเครื่องที่ 3 เม็ดมะยมหลุด เอาเครื่องใหม่มาพอตั้งเวลาเสร็จ เราดู มันไม่เดินนะ เลยต้องเปลี่ยนอีกเครื่องจึงใช้การได้ และเครื่องของน้องไหวอีกเครื่องก็ใช้ได้ เลยเล่าเทคนิคนี้ให้อาดุลย์กับน้องไหวฟัง
          ร้านสุดท้ายเราขอยืมตังค์น้องไหว 10 ดอล ไปซื้อเป้ให้ฟริเกตกับคีน พรุ่งนี้คงต้องไปแลกตังค์ใช้หนี้น้องไหว
          กลับถึงบ้าน 6:50 โดยประมาณ ที่ถึงบ้านไวเพราะกลับรถสาย 560 กับอาดุลย์ แล้วเดินเข้าบ้านถึงแม้จะไกลหน่อยก็ตาม
          ทานข้าวเสร็จก็ถ่ายรูปกับราฟาเอลและไมเคิ่ล แต่โรบินเธอไม่ยอมให้ถ่ายรูปแต่บอกว่าก่อนเรากลับเธอจะให้รูปเรา
          อีกไม่กี่ชั่วโมงจะได้กลับเมืองไทยแล้ว แต่ก่อนกลับพรุ่งนี้จะขอเที่ยวให้ชื่นใจก่อนปูบอกว่าท้ายสุดจะนั่งเรือดูแสงสี 2 ฝั่งริมน้ำและไฟบนสะพานต่างๆ คงกลับประมาณทุ่มครึ่ง ไม่มีปัญหา เรานัดกับอานนท์และอาดุลย์ไว้แล้วเตรียมตัวเดินกลับกันได้เลย

------------------------------------------------------------------------





ไม่มีความคิดเห็น: