วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Flying to Brisbane 3



Going to Australia.
8 เมย 51
          เมื่อคืนมือถือแบตหมดเลยไม่มีนาฬิกาปลุก แต่ก็ตื่นเช้าได้เองนะ ออกมาดูนาฬิกาที่หน้าปัดเตาไมโครเวฟ เพิ่งตี 5:40 เอง  ไม่นอนต่อละ ทำภารกิจส่วนตัวเลย
          วันนี้แต่งตัวออกแนววัยรุ่นหน่อย ใส่กางเกงสีกรมท่าแต่เสื้อยืดคอกลมสีดำ ลายเขาตะปู Thailand ที่เพิ่งซื้อมาตอนไปภูเก็ตเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง
          Robyn ให้ลองทาน Toast โดยเอาขนมปังเข้าเครื่องปิ้งให้เรา 2 แผ่น แล้วบอกให้เราลอง คงนึกว่าเรากินไม่เป็นมั้ง เราก็บอกว่าที่บ้านก็มีเครื่องปิ้งแบบนี้ ก็เลยตามเลยหยิบมาทาแยมทั้ง 2 แผ่น แล้วกินกับกาแฟ แหม….ฟันแทบหัก มันกรอบมากๆเลย
          พออกจากบ้านอากาศเย็น เลยหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่พร้อมกับสวมหมวกแล้วเดินไปที่ป้ายรถเมล์ สักครู่เพื่อนบ้านคนนั้นก็มา ก็ทักทายกันนิดหน่อย
          รถไปถึง Browns Plains ที่ Grand Plaza พอลงจากรถเห็นรถสาย 150 จอดอยู่ พอก้าวขาจะเดินไปขึ้นรถ เพื่อนบ้านคนนั้นก็ดึงกระเป๋าไม่ให้ไป เราหันไปมองแล้วถามเธอว่ารถคันนี้ไป Cultural Centre Station ด้วยไม่ใช่หรือ เธอบอกว่า ใช่ แต่มันอ้อม ใช้เวลานาน ไปคันนี้ดีกว่า เราจึงเข้าแถวต่อจากเธอรอขึ้นรถสาย 140
          พูดถึงการเข้าแถว เข้าคิวแล้วนับถือคนที่นี่มาก ไม่มีการแซงคิวกันเลย เขาจะให้เกียรติคนทุกคนเท่าเทียมกันหมด
          วันนี้สังเกตข้างทาง พยายามจำทางที่รถเมล์ผ่านจนกระทั่งเกือบถึงป้ายที่เราจะลง ก็เห็นอาคาร Performing Art Centre เราจำได้เพราะเมื่อวาน Rob พาเราเดินผ่านมาแถวนี้ แล้วเราก็เข้าใจเส้นทางการเดินรถสายนี้
          วันนี้ตัดสินใจขึ้นลิฟท์แล้วลงไปเดินฝั่งตรงข้าม เพราะอยากสังเกตทิวทัศน์ด้านนี้บ้าง แล้วก็ได้ถ่ายรูปแมลงปีกแข็งตัวใหญ่ที่เขาทำไว้ที่เกาะกลางถนน ไม่ทราบว่าสร้างไว้ทำไม
          เดินไปถึงโรงเรียน เข้าไปข้างในไม่เห็นใครเลย แต่ที่ป้ายข้างบันไดเขียนว่า มีการเปลี่ยนแปลงห้องเรียน ให้รอพบ Kate สักครู่พรรคพวกเริ่มทยอยมากัน ตามด้วย Kate จึงได้ไปคุยกับ Kate เธอเปลี่ยนให้เราไปสังเกตการสอนของ Ben ที่สอน Communication ให้นักเรียนนานาชาติ เรามองหา สมพร อาดุลย์ และอานนท์ แต่ก็ไม่เจอ  เดินออกมาด้านข้างพบสาวๆ คุยกันเรื่องโทรศัพท์กลับบ้าน บางคนบ่นว่ายังใช้บัตร pin phone ไม่เป็น บางคนบ่นว่าซื้อบัตรโทรศัพท์มาแล้วแต่แพง ซื้อมา 10 ดอล ใช้ได้แค่ 11 นาทีก็ตัดแล้ว น้องดาจากนครพนม บอกว่าเธอซื้อบัตร USA summer มาจากเมืองไทย โทรนาทีละ 50 สตางค์เอง ใช้แล้วเสียงชัดใช้ได้เลย พอได้ยินเท่านั้นแหละ พวกเราเลยขอเธอโทรกลับบ้าน แล้วยินดีจ่ายค่าโทรศัพท์ให้เธอ
          เริ่มจากเราเป็นคนแรก กว่าจะต่อติดต้องต่อ 3-4 ครั้ง พอติดเริ่มคุยกับเปี๊ยกเท่านั้นแหละ เสียงแซวตามมาเป็นชุดๆเลย คุยได้ไม่นานต้องรีบเลิกเพราะคิวยาว ปรากฏว่าคุยไป 6 นาที ให้น้องดาไป 1 ดอล = 30 บาท คนอื่นๆก็ให้มากกว่าที่โทรตามเรา
          พอโทรครบทุกคน เราตกลงกันว่าจะให้น้องดาพาไปห้างที่ฝั่งแม่น้ำตรงข้าม ไปถ่ายรูปกันบนสะพาน ถ่ายได้ 4-5 รูป ดูเวลาเห็นใกล้เวลาเข้าห้องเรียนแล้ว เลยตกลงกันเดินกลับ
          ช่วงก่อนเดินมาก็สงสารน้องไหว เพราะเธอเดินไกลมากไม่ได้ Home stay ที่เธออยู่ไกลจากท่ารถมาก เธอต้องเดินช้าๆ ยิ่งต้องเดินมากับสาวๆชาวต่างชาติแล้ว เธอเดินตามไม่ทัน จนปวดขาไปหมด แล้วเธอก็เครียดทำให้ไมเกรนกำเริบ เธออยากเปลี่ยน Host แต่เราไม่ทราบว่าเธอเปลี่ยนได้ไหม
          กลับไปถึงโรงเรียน มองหา 3 สหายก็ไม่เจอ เดินขึ้นไปห้อง Terres Strait ก็ไม่พบใคร เอ….เราจำห้องผิดหรือเปล่านะ ตัดสินใจเข้าไปคอยข้างในห้อง สักครู่ สาวๆ 3 คนก็เข้ามา ตามมาด้วยนักเรียนนานาชาติ แล้วก็ครู Ben สุดหล่อ
          ตามข้อตกลง ห้ามพวกเราร่วมกิจกรรม ห้ามคุยกัน ให้สังเกตแล้วจดเท่านั้น
          วันนี้ ครู Ben ชายหนุ่มวัยประมาณ 35 สอนดีมาก ยิ้มตลอด เวลานักเรียนทำผิดกฏ จะเตือนด้วยรอยยิ้มเสมอ “No dictonary. I’m your dictionary.” เขาต้องการให้เด็กได้สื่อสารกับเขามากกว่าการเปิดดิค เพราะการถามครู เด็กจะได้ทั้งการฝึกพูด ฟังและการคิดไปในตัว
          หมดชั่วโมงสาวๆบอกให้เราไปขอบคุณ Ben เราเข้าไปหา “Thank you very much, Ben. Today we’ve got so much knowledge from you. It will be better if you gave us the sheet.” Ben ตอบว่า เขาไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องมาสอนในชั่วโมงนี้ เผอิญครูที่สอนอยู่ไม่มา เขาเลยมาสอนแทน แล้วเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเราจะมาสังเกตการสอนของเขา ไม่งั้นเขาจะเตรียม sheet มาให้ด้วย แล้วบอกว่า เดี๋ยวจะจัดการให้
          ลงมาข้างล่างมองหา 3 หนุ่ม 3 มุม แต่ก็ไม่พบ เลยไปทานอาหารกับพวกสาวๆ วันนี้ไปร้านอาหารของชาวเวียตนาม เป็นแบบร้านข้าวแกงในเมืองไทย มีบะหมี่ มีเกี๊ยวน้ำด้วย แต่เราขอกินข้าวดีกว่า ข้าวเป็นแบบข้าวผัดใส่ถั่วราดผัดผักรวมมิตรใส่หมู กับน่องไก่ผัดซ้อส สิ่งที่ลืมไม่ได้คือขอน้ำปลา 1 ถ้วย อิอิอิ อ้อ ราคา 5 ดอล 20 เซ็นต์ ก็ 156 บาท นะนะนะ
          สาวๆสั่งมา 1 จานขอช้อนส้อม 2 คู่แล้วทานด้วยกัน ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะทั้งข้าวและกับข้าวเขาตักให้เยอะมาก กินคนเดียวไม่หมดแน่นอน แล้วสาวๆก็ตกลงว่าผลัดกันเป็นคนจ่าย
          น้องแอนจากหนองคายสั่งบะหมี่น้ำหมูแดง เรารีบไปดูแล้วถามเจ้าของร้านว่าเรียกว่าอะไร เธอชี้ไปที่เมนูใหญ่ Noodle Soup with Bar-B-Q- Pork เห็นราคา 6 ดอล 60 เซ็นต์ บอกเธอว่า Tomorrow, sure. เธอยิ้ม
          กำลังทานข้าวเพลินๆ อาดุลย์เดินมาหา แล้วบอกว่ามาสายไป 20 นาที เขาเลยไม่ให้เข้าห้อง พออิ่ม ก็เดินมากับอาดุลย์ แล้วลองไปหาโทรศัพท์สาธารณะ เพื่อลองโทรกลับบ้าน ปรากฏว่าลองไปได้ แต่กดเลขผิด หมดเวลาเลยโดนกินเหรียญ หมดไป 50 เซ็นต์ พอหยอดเหรียญ 20 เซ็นต์ ก็กดไม่ได้ ตอนหลังจึงรู้ว่า ต้องใช้เหรียญ 50 เซ็นต์ เท่านั้น
          มาถึงด้านข้างโรงเรียนสาวๆจับกลุ่มโม้กันใหญ่ ตอนนี้น้องดากลายเป็นเจ้าแม่โทรศัพท์ไปแล้ว ทุกคนต่างขอใช้โทรศัพท์ของน้องดา พออาดุลย์จะใช้ แบตน้องดาหมดพอดี อาดุลย์เลยต้องใช้เครื่องของเขาโดยเปลี่ยนซิมของน้องดา
          สักครู่ท่านประธานสมพรก็เดินมาแล้วขอโทษที่มาสาย เพราะมัวแต่เพลินอยู่ที่บ้านจนลืมเวลา แล้วสัญญาว่าจะไม่มาสายอีก เช่นเดียวกับอาดุลย์และอานนท์ ต่างคนต่างเข็ด เพราะการไม่เข้าห้องเรียน จะโดนรายงานไปยังกระทรวงด้วย
          ชั่วโมงบ่ายวันนี้เป็นของ Lindy กับ Joleene เรามึนกับทฤษฎีการสอนของ Lindy เพราะมีมากเกินไปจนตามไม่ทัน ในที่สุดต้องขอให้เธอทำเอกสารให้ เพราะ Power Point ที่เธอทำขึ้นจอนั้น มันเล็กมาก เรามองเห็นไม่ชัด
          เลิกเรียน 17.00 . ออกมาข้างนอกอากาศเริ่มจะมืดแล้ว และอากาศก็เริ่มเย็นต้องหยิบเสื้อกันหนาวกับหมวกมาใส่ แล้วพากันเดินไปที่ท่ารถ ช่วงนี้น้องอูมอัจฉริยะประจำกลุ่มก็ชวนไป China Town ในวันพรุ่งนี้เวลา 8:30 . โดยนัดเจอกันที่โรงเรียนพวกเราตกลงกันทันที
          รอรถนานกว่า 140 จะมา พอรถมา รีบวิ่งเพื่อจะไปขึ้นรถ เห็นคนรอขึ้นเยอะมาก อาดุลย์ขึ้นไปก่อน แต่ก็โดนไล่ลงมาเพราะรถเต็ม เราก็กังวลกันว่าวันนี้อาจจะกลับรถเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน ตกลงกันว่าถ้ารถฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมด ก็จะไปรถของอีกฝ่ายเพราะบ้านเราห่างกัน 1.5 กม. เอง
          สักครู่รถ 150 มา เรารีบขึ้น แล้วภาวนาขอให้ไปถึงก่อนรถหมด แล้วเราก็โชคดีทั้ง 2 ฝ่าย เพราะรถของเรายังอยู่ครบ
          วันนี้เปิดแผนที่ แล้วสังเกตการเดินรถตามจุดต่างๆ ปัญหาของเราอยู่ที่เราจำป้ายที่จะลงไม่ได้ เพราะกว่าจะถึงมันก็มืดแล้ว แต่จำได้ว่าเพื่อนบ้านบอกให้จำวงเวียน ให้ลงวงเวียนที่ 3 แต่ถ้านับวงเวียนที่ผ่านทั้งหมด จะเป็นวงเวียนที่ 5
          รถจอดป้ายมีคนลง 3 คน เรา มาดาโอะชาวเม็กซิกันที่พักบ้านเดียวกัน และก็หญิงสาวอีกคน เราเข้าไปทักทายกับเธอถึงรู้ว่าเธอเป็นชาวฟิลิปปินส์ อยู่กับพ่อแม่แถวบ้านของ Mrs. Robyn มาอยู่ได้ 4 ปีแล้ว
          เคยบังคับให้เด็กกินข้าวให้หมด เพราะอยากให้เด็กได้สารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ไม่เคยรู้ว่าการถูกบังคับให้กินของที่ไม่ชอบนั้นเป็นอย่างไร แต่วันนี้ซาบซึ้งมากๆเลย ข้าว ปลาทอด กับผักต้ม เห็ดต้มจืดๆ กว่าจะกลืนลงแต่ละคำมันทรมานมาก ไม่กินก็ไม่ได้เพราะจะเป็นการดูถูกเจ้าของบ้าน ยิ่งคำหลังๆเกือบจะกลืนไม่ได้มิหนำซ้ำ ข้างในก็จะออกมาอีก เฮ้อ…..แต่ในที่สุดก็กินปลาจนหมด ข้าวหมด เหลือผักต้มบางส่วน เห็ดอีก 2 หัว กรรมตามทันแล้วนะ

          ----------------------------------------------------------------------------------------



                                                             คอยรถที่ Browns Plains



กับน้องดาบนสะพาน Victoria


 
                                  มื้อกลางวันที่ร้านชาวเวียตนาม

ไม่มีความคิดเห็น: