Going to
Brisbane.
13 เม.ย. 2551
เมื่อคืนเพลียมากถึงอย่างไรก็ตาม
วันนี้ก็ตื่นทัน ตัดสินใจแต่งตัวโก๋หน่อย Sunshine Beach เจอเสื้อเขาตะปูหน่อยเป็นไร
ไปถึงโรงเรียนที่เป็นจุดนัดพบก่อน
9 โมงนิดๆ รอจนคนครบ ก็ขึ้นรถตู้ที่เหมาไว้
รถตู้คันนี้มีที่นั่งโดยสารด้านขวาแถวละ
2 ที่ ด้านซ้าย 1 ที่
รวมทั้งหมดจะได้ประมาณ 21 ที่ ประตูเป็นประตูไฟฟ้า
ไม่ต้องโยกให้เมื่อยมือ
นั่งรถไปสักครู่ก็เก็บเงินค่ารถกัน
เฉลี่ยแล้วคนละ 36 ดอลล่าร์
รถพาไปทางไหนไม่ทันสังเกต
แต่พอเลียบแม่น้ำ เห็นเรือหลายชนิดในแม่น้ำเป็นระยะๆ สวยมากแต่ถ่ายรูปไม่ทัน
พอจะข้ามสะพาน ถามคนขับจึงรู้ว่าเป็นสะพาน Story
พอรถออกนอกเมือง
จะเห็นว่า 2 ข้างทางเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์
รัฐบาลและประชาชนที่นี่รักและหวงแหนธรรมชาติมาก
บางจุดจะมีป้ายไฟฟ้าถาวรเขียนเตือนในทำนองที่ว่า
Drink drives may die. อะไรทำนองนี้ ในขณะเดียวกันบางจุดก็จะมีป้ายไฟฟ้าแบบติดรถล้อเลื่อนเตือนเป็นระยะๆเช่นกัน
คนขับรถจะมีวินัยมาก
รถที่เรานั่งไปคนขับจะขับด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด และจะชิดเลนขวา
หรือเลนกลางเท่านั้น จะไม่เข้าเลนซ้ายเลย
บ้านบนเนินเขาจะเห็นได้ทั่วไปเป็นช่วงๆ
ไปแวะที่ Aussie
World ก่อน เพราะที่นี่จะเป็นแหล่งขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว
เข้าไปในร้าน Australian Souvenirs ของในร้านนี้ทั้งหมดจะทำด้วยไม้
สวยมากทั้งร้าน และบางอย่างก็มีรูปร่างลักษณะแปลกๆ
อยากถ่ายรูปนะแต่กลัวเจ้าของเขาจะว่าเลยอด
ด้านหน้าแต่ละร้านสวยๆทั้งนั้น
แต่ไม่มีเวลาเดินเข้าไปดูของเลย เพราะเขาให้เวลาน้อยมาก แต่ก่อนขึ้นรถ
เห็นเสาไฟน่าสนใจเลยถ่ายรูปไว้
เสาไฟนี้เหมือนกับเสาไฟที่บ้านเราสมัย
50 ปีก่อน เพราะทำจากต้นไม้ทังต้น
เขาจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเราลองสังเกตดูจาก Aussie
World ไป Sunshine Beach เสาไฟฟ้าจะเป็นเสาจากต้นไม้ตลอด
ระหว่างทางเห็นช้อปเปอร์ไม่กี่คันเอง
มีกลุ่มเดียว 3 คันเห็นจะได้ พูดถึงรถมอเตอร์ไซค์แล้ว
เชื่อไหมว่ามาอยู่ที่นี่ได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว เห็นไม่ถึง 10 คันเลย
เคยถามเรื่องนี้กับโรบิน เธอบอกว่าคนไม่นิยม เพราะมันอันตราย ถ้าเป็นเมืองไทยนะ
จะเอารุ่นไหนล่ะ ซิ่งกันแหลก เต็มถนนเลย
ไปถึง Sunshine
Beach แล้วผิดหวังนะ ชายหาดยาวมาก แต่มีคนมาเที่ยวไม่กี่สิบคนเอง
มีอาบแดดนิดหน่อย เล่นกระดานโต้คลื่น 5-6 คน
ไม่มีเตียงให้เช่า ไม่มีร่มชายหาด ไม่มีร้านค้าบนชายหาดเลย
ทั้งๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว กฎหมายเขาคงห้ามเอาไว้
บนฝั่งถึงจะมีร้านค้า
เดินหาของกินกับอาดุลย์และน้องไหว หลงเข้าไปใน Supermarket น้องไหวอยากกินบะหมี่
แต่พอถามคนขายจึงทราบว่าไม่มีบริการน้ำร้อน ทั้ง 2 คนเลยหุ้นกันซื้อขนมปังกับน้ำช้อคโกแล็ตแทน
เข้าร้านนี้เราก็ได้ข้อคิดว่า
ทำไมเราไม่หาซื้ออาหารกระป๋องไปกินที่บ้านบ้างล่ะ ว่าแล้วก็หาดูน้ำปลา
แต่เห็นเป็นของเวียตนาม ปลากระป๋องก็ไม่แน่ใจ
คิดว่าเอาไว้ไปหาซื้อที่ตลาดในเมืองน่าจะดีกว่า
ออกร้านนี้ไปร้านขายอาหารแบบร้านข้าวแกงบ้านเรา
ซื้อข้าวผัด 1 กล่องเอากล่องขนาดค่อนข้างเล็ก 9.50 ดอลนะ รู้ก็รู้ว่าแพง เกือบ 300 บาท แต่ก็ต้องเอา
เพราะหิว และก็เบื่อขนมปังด้วย ข้าวผัดกล่องนี้ใส่ลูกเกด หอมใหญ่ เม็ดถัวลันเตา
แครอท และมะเขือเทศ กลิ่นไหม้ๆอย่างไรไม่รู้ หวานนิดๆ เลี่ยนๆ วันนี้กินไปบ่นไป (ไม่อร่อย แถมแพงอีกต่างหาก)
ก่อนไปนั่งทานอาหาร
เข้าห้องน้ำก่อน แต่พอจะล้างมือ กลับหาก๊อกน้ำไม่เจอ ที่ไหนได้
เด็กหนุ่มคงขำกะเหรี่ยงจาก Thailand พอมาถึงกดด้านหน้าอ่างที่เป็นสแตนเลสสี่เหลี่ยมยาวๆกะเหรี่ยงแบบเราเลยเอาตาม
และที่นี่มีห้องอาบน้ำให้ด้วยนะ ฟรี และบริเวณที่ขึ้นมาจากชายหาดก็มีเหมือนกัน
ที่เห็นก็อีก 2 จุด
บริเวณนี้มีโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหาร
หรือสำหรับปิคนิคประมาณ 5 โต๊ะ มีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ
บริเวณร่มรื่นดีมาก สักครู่สมพรกับพวกก็มานั่งด้วย
สมพรจะซื้อขนมปังมาแถวหนึ่งกับแยม 1 ขวด แล้วมาทานด้วยกัน
เห็นลักษณะการใช้เงินของสมพรแล้วก็ให้ข้อคิดดี คือ ไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ราคาแพง
แต่ซื้อแบบแยกชิ้นจะประหยัดกว่ามาก และในกรณีแบบเราถ้าอยากกิน
ให้ซื้อขนาดเล็กสุดมากินก่อน ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ค่อยเสียดายตังค์
แต่ถ้าอร่อยก็ซื้อเพิ่มได้
ที่นี่จะมีดอกไม้สวยๆ
แปลกๆ 2-3 แบบ ถ่ายรูปไว้ดูเล่น
ไม่รู้ว่าจะหน้าแตกหรือเปล่าถ้ามีในเมืองไทย
เพราะเรื่องของดอกไม้นี่เราไม่มีความรู้เลย
คนขับพาไปอุทยาน Noosaville
แต่ต้องเดินขึ้นไกล และเวลากระชั้นเลยได้แต่ผ่านไปเท่านั้น
และที่นี่เองได้เห็นสามล้อเครื่องทำด้วยช้อปเปอร์เป็นครั้งแรก
แต่ถ่ายรูปไม่ทันเช่นเคย
ขากลับไปแวะถ่ายรูปกันที่
Under Water World ไม่มีเวลาเข้าไปดูข้างใน
และอีกอย่างค่าตั๋วก็แพงมากด้วย ถ้าเที่ยวแบบนี้ตลอด ตังค์ที่เตรียมมาหมดก่อนแน่
ออกจากที่นี่ 3:40
กว่าจะถึง City ก็ 5 โมงกว่ารถหมดแล้ว
แต่น้องอูมบอกว่า รถเราเหมาถึง 3 ทุ่ม เพราะฉนั้นใครอยู่ไกล
คนขับจะไปส่งถึงบ้าน เราก็โล่งใจ และอีกอย่างที่ด้านข้างคนขับเราเห็นสมุดแผนที่แบบที่บ้านโรบินยิ่งทำให้อุ่นใจมากขึ้น
ขากลับเห็นรถพ่วงที่พ่วงเรือ
และรถที่เอาเรือพาดบนหลังคาหลายคัน คนที่นี่คงสนุกกับวันสุดสัปดาห์
ใช้เวลาช่วงนี้อย่างคุ้มค่า ไม่ทราบว่าเงินเดือนที่ได้
กับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหน
ถึงอย่างไรคงไม่โหดเท่าค่าของเงินบาทไทย
ใจหนึ่งอยากสังเกตข้างทาง
แต่ร่างกายบอกให้หลับ จึงหลับตามที่ใจสั่งมา
มาตื่นก็เกือบถึง City
แล้ว มองข้างทางก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน แต่ตึกรามบ้านช่องสวยมาก แล้วน้องแอนก็ลงรถ
พอรถผ่านมาอีกหน่อย อ๋อ…..แถวนี้เอง
แถวฝั่งที่เราเดินข้ามสะพาน William Jolly แต่เราเดินไปไม่ถึง
วันหลังได้มาเยือนแน่
คนอื่นๆลงที่ Cultural
Centre Station คงเหลือเรา 3 คนเท่านั้น
เราบอกคนขับว่าไป Regent Park เขารู้ทาง
เราเลยเปิดแผนที่หน้า 240 แล้วชี้ให้เขาดูอีกครั้ง ชัวร์เลย
ตอนกลับนี่ก็งงกับเส้นทางนะ
แต่สังเกตอาคาร และทำเล แถวนี้บ้านจะอยู่บนเนินสูงสลับกันไป
บางช่วงก็ขับขึ้นเนินที่ค่อนข้างอันตราย แต่เขาก็จะมีป้ายเตือนตลอด
แต่ป้ายที่งงนะ
The blind man cross here. คนตาบอดจะอ่านได้หรือ อิอิอิ
ส่ง 2 คนก่อนแล้วไปส่งเราที่บ้าน จากจุดที่ 2 คนลงกับบ้านเรา
ไม่ห่างกันเท่าไหร่เลยนะ เอาไว้เดินไปคุยกันได้เลย
กลับถึงบ้าน
โรบินเอาอาหารมาให้ทาน มันฝรั่งบด ถั่วฝักยาวต้ม กับไส้กรอกเค็มอีก 3 ชิ้น ลองทายซิว่า เราจะทานได้แค่ไหน
วันนี้เพลียมาก ไม่ทันได้ทำอะไรก็หมดแรงก่อน
ไปนอนละ
สะพาน Victory
ที่ Aussie World
ชายหาด Sunshine Coast
ปิกนิกกันอย่างเอร็ดอร่อย
(คนอื่นๆนะ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น