วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สิงห์เลเซอร์

สิงห์เลเซอร์


ตั้งแต่ลงมาสอนชั้น ป.3 มักจะมีเพื่อนๆ และคนที่คุ้นเคยถามกันมากว่า
“เป็นไงมั่ง เทียน สอน ป.3 เหนื่อยไหม หนักใจไหม”
หรือไม่ก็ “เทียน เด็กป.3 ดื้อไหม”
บางคนก็ถามว่า “ป.3 กับ ป.6 ชั้นไหนสอนยากกว่ากัน” ฯลฯ
ผมก็จะตอบตามความรู้สึกที่แท้จริงว่า “เพิ่งค้นพบความสุขที่แท้จริงเดี๋ยวนี้เองว่า มีความสุขที่สุดกับการสอนเด็กชั้น ป.3 เมื่อก่อนหลงคิดว่าสอน ป.6 มีความสุขแล้ว รู้ไหมว่าเด็กป.3 น่ะ เวลาคิดกิจกรรมต่างๆให้เขาเล่น เขาจะเล่นอย่างสนุกอย่างเต็มที่ ไม่มีการอายกันเลย ไม่เหมือนเด็ก ป.6 เพราะเขาเริ่มโตเป็นหนุ่มสาวกันแล้ว บางกิจกรรมก็ไม่ค่อยเต็มใจอยากเล่นด้วย”

การที่จะทำให้การเรียนการสอนสนุก ไม่น่าเบื่อหน่ายนั้น ผมมักจะคิดว่า ถ้าผมเป็นเด็กแล้วผมต้องการอะไร ผมชอบอะไร ผมอยากทำอะไร แล้วผมก็จะคิดกิจกรรมนั้นขึ้นมา และที่สำคัญที่สุด กิจกรรมนั้น เด็กต้องเป็นผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ครู
และในการสอนทุกๆครั้ง ผมต้องให้เด็กได้ปฏิบัติให้ครบทักษะทั้ง 4 ด้านคือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน แต่ระยะหลังนี้จะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ทำให้การฝึกเด็กทำได้อย่างไม่สมบูรณ์นัก แต่ผมก็พยายามทำอย่างดีที่สุด
ในการสอนแต่ละหน่วยการเรียนนั้น ผมต้องพยายามคิดหากิจกรรมใหม่ๆมาให้เด็กร่วมสนุกเสมอ เพื่อกระตุ้นให้เขาสนใจเรียน สนุกกับบทเรียน ทำให้บทเรียนไม่น่าเบื่อ และมีความสุขกับการเรียน
อย่างที่เคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังไว้เมื่อฉบับก่อนๆว่า ผมชอบไปเดินเล่นตามตลาดนัด หรือแผนกของเด็กเล่นตามห้างใหญ่ๆเพื่อหาแนวคิดในการทำสื่อการเรียนการสอน
แต่ยังมีสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ใกล้แค่ปลายจมูกที่คนอื่นๆมองข้าม แต่ให้แนวคิดในการผลิตสื่อการสอนและการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลายที่นึกไม่ถึงทีเดียว สถานที่แห่งนั้นคือ ร้านขายขนมและของเด็กเล่นหน้าโรงเรียน
ร้านนี้ เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ที่ขายขนมขบเคี้ยว และของเด็กเล่น ทุกๆเย็นจะมาขายอยู่หน้าโรงเรียน และที่ร้านนี้เอง ผมมักจะเดินมาดูของเล่นใหม่ๆเสมอๆ
แล้วผมก็ได้ของเล่นไปหลอกเด็กจากร้านนี้ในวันหนึ่ง

**************************************
“นักเรียนเตรียม นักเรียนทำความเคารพ” เสียงหัวหน้าห้อง ป.3/6 ร้องบอกเพื่อนๆในห้องให้ทำความเคารพผม เมื่อผมก้าวเท้าเข้าห้อง
“สวัสดีครับ / ค่ะ คุณครู” เสียงเด็กกล่าวทักทายผมพร้อมๆกัน
“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายตามปกติ
วันนี้ผมขึ้นบทเรียนใหม่ เป็นเรื่องของสุขบัญญัติ 7 ประการ หรือ Seven Rules of Good Health. ผมเริ่มจากชูบัตรภาพแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษ brush my teeth แล้วให้เด็กๆพูดตามพร้อมกับทำท่าทางประกอบ
ผมสอนจนครบ 7 คำ แล้วผมก็วางบัตรภาพทั้ง 7 ลงบนร่องกระดานดำ แล้วเดินไปหลังห้อง
“วันนี้ผมขอท้าดวลปืน เหมือนที่คาวบอยดวลกัน ใครจะดวลกับผมบ้าง”
“ดวลยังไงครับ” เด็กคนหนึ่งถาม
“ขออาสาสมัครคนหนึ่งเป็นคนกรรมการ กรรมการจะต้องพูดคำศัพท์ตามรูป 1 คำ พอพูดจบ ผมกับผู้ท้าดวลจะต้องทำมือเป็นปืน แล้วยิงไปที่รูปที่กรรมการพูด ใครยิงได้ไวกว่า และถูกต้องเป็นฝ่ายชนะ เอ้า…..ใครจะเป็นกรรมการ และใครจะดวลกับผม”
เด็กๆยกมือกันพร้อมกับตะโกนว่า “ผมครับ ผมครับ”
ผมให้น้องมาร์คใหญ่เป็นกรรมการ และให้น้องเฟิร์สท์มาดวลกับผม
พอน้องเฟิร์สท์มาหลังห้องคู่กับผม ผมให้สัญญาณให้น้องมาร์คใหญ่ที่เป็นกรรมการพูดคำศัพท์ 1 คำ แล้วผมก็ล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง
“take a bath”
น้องมาร์คใหญ่พูดจบ น้องเฟิร์สท์ทำมือเป็นปืนเล็งไปที่บัตรภาพคนกำลังอาบน้ำ แล้วพูดว่า “เปรี้ยง เปรี้ยง”
ขณะเดียวกันผมล้วงไฟฉายแสงเลเซอร์ออกมา แล้วกดปุ่มยิงไปที่รูปคนกำลังอาบน้ำ จุดสีแดงปรากฏที่รูป แล้วผมพูดว่า “ผมชนะ นี่ไงเห็นไหมผมมีหลักฐาน คุณยิงไม่ถูก” ผมยิ้ม เด็กคนอื่นๆหัวเราะกันเกรียว
“คุณครูขี้โกง”
“ผมโกงยังไง”
“คุณครูมีแสงเลเซอร์ ผมไม่มี”
“ถ้าคุณมีแสงเลเซอร์ คุณคิดว่าคุณชนะผมเหรอ”
“ครับ”
“เอ้า…..ผมให้ยืม” ว่าแล้วผมก็ยื่นไฟฉายแสงเลเซอร์ให้น้องเฟิร์สท์ 1 อัน แล้วบอกให้น้องมาร์คใหญ่ที่เป็นกรรมการพูดคำศัพท์อีก 1 คำ
“wash my hands”
สิ้นเสียงน้องมาร์คใหญ่ ผมกับน้องเฟิร์สท์รีบกดปุ่มยิงไปที่รูปทันที
“ผมชนะอีกแล้ว” ผมพูดเพราะน้องเฟิร์สท์ยิงไม่ตรงรูป
“เอ้า……ตอนนี้ใครจะท้าดวลกับผมอีก” ผมถามเด็กอีกคราวนี้เด็กยกมือกันสลอนพร้อมกับตะโกนว่า “ผมครับ ผมครับ หนูค่ะ หนูค่ะ” เสียงแซดไปหมด
ผมให้เด็กเล่นกันอีก 5-6 คู่ ก็เขียนคำศัพท์บนกระดานแล้วให้เด็กอ่าน จากนั้นก็ให้เขียนลงสมุด
ผมใช้กิจกรรมนี้กับอีก 3 ห้องที่เหลือ เด็กๆสนุกกันมาก พร้อมๆกับไฟฉายแสงเลเซอร์หมดไปจากร้านขายขนมร้านนี้


**************************************

มณเฑียร ฤกษ์วิสาข์





-------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น: