วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เรียนภาษาอังกฤษจากเสื้อยืด



เรียนภาษาอังกฤษจากเสื้อยืด

ปกติแล้วผมเป็นคนชอบเดินดูของตามตลาดนัดต่างๆ ถ้าวันไหนมีตลาดนัดเป็นต้องพบผมที่นั่นตลอด ขอเพียงแค่ได้เดินดูสินค้าต่างๆที่เขานำมาขายผมก็มีความสุขแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อก็ตาม

แต่ถ้าเป็นสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ยุคนั้นบ้านเรายังไม่มีตลาดนัด ผมชอบไปเดินดูของตามห้างต่างๆในกรุงเทพฯ โซนที่ผมชอบไปเดินดูมากที่สุดก็คือ โซนดนตรี เพราะผมชอบเล่นดนตรี และชอบศึกษาเครื่องดนตรีรุ่นใหม่ๆ เพื่อมาแนะนำให้ผู้ปกครองและเด็กๆที่ต้องการซื้อเครื่องดนตรีได้ทราบถึงคุณสมบัติของเครื่องดนตรีแต่ละรุ่น จะได้เลือกซื้อได้ถูกต้องตามความต้องการและงบประมาณในกระเป๋า

อีกโซนหนึ่งที่ผมชอบไปเดินดูคือ โซนของเล่นเด็ก เพราะในโซนนี้จะมีของเล่นต่างๆที่เขาผลิตออกมาเพื่อดูดเงินในกระเป๋าของพ่อแม่ และผู้ปกครองที่รักและห่วงใยบุตรหลานของตน ซึ่งของเล่นต่างๆเหล่านี้แต่ละชิ้น ผู้ผลิตต่างก็ทำการวิเคราะห์ วิจัย ถึงประโยชน์ที่จะเกิดแก่เด็กๆแล้ว ผมชอบเดินดูเพราะระยะนั้นผมชอบผลิตสื่อการเรียนการสอน เพื่อนำมาใช้ในห้องเรียน ของเล่นที่ผมเดินดูหลายชิ้น ถูกผมนำมาดัดแปลงเป็นสื่อการเรียนการสอนเรียบร้อยแล้ว

กลับมา พูดถึงตลาดนัดอีกครั้ง หลายครั้งที่ผมได้สื่อการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษที่มีประโยชน์และราคาแพง ในราคาที่ถูกแบบไม่น่าเชื่อ ผม
มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเด็กๆเล่นสื่อฯของผมด้วยความสนุกและพอใจ

วันหนึ่งผมไปเดินดูของตามปกติที่ตลาดนัดวัดพิกุล ที่อำเภอบ้านนา ผมเดินดูไปเรื่อยๆ แล้วผมก็สะดุดตากับแผงขายเสื้อผ้า ผมมองดูเสื้อยืดหลากสีที่พ่อค้า แม่ค้านำมาแขวนไว้ ที่หน้าอกเสื้อยืดทุกตัว จะมีแต่ภาษาอังกฤษทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อมหาวิทยาลัยของต่างประเทศ ชื่อทีมฟุตบอลดังๆ ชื่อซูเปอร์ฮีโร ชื่อซูเปอร์สตาร์ต่างๆ ชื่อดารา ชื่อการ์ตูนที่มีชื่อเสียง ฯลฯ สารพัด

แล้วความคิดหนึ่งก็เข้ามาในสมอง ผมก็พูดกับตนเองว่า ทำไมเราไม่สอนภาษาอังกฤษจากเสื้อยืดบ้างล่ะ ยี่ห้อสินค้าต่างๆเราก็นำมาสอนแล้ว ชื่อถนนในตัวเมือง ป้ายบอกทางต่างๆก็นำมาสอนแล้ว สอนภาษาอังกฤษจากเสื้อยืด ก็น่าจะได้ผลนะ ผมก็ได้แต่เก็บความคิดนี้ไว้ คิดว่าเมื่อถึงโอกาสจะลองนำมาใช้ดู

และแล้วโอกาสที่ผมได้ทดลองทฤษฎีของผมก็มาถึง
ปีนั้นผมได้ลงมาสอนป.3 หลังจากที่สอนประถมปลายมาโดยตลอด สิ่งแรกที่ผมคิดและต้องทำให้ได้คือ ต้องทำให้เด็กจำอักษรอังกฤษให้ได้ทุกตัว และต้องเทียบอักษรอังกฤษเป็นอักษรไทยให้ได้ด้วยเพื่อจะได้เป็นหลักในการอ่าน
สิ่งแรกที่ผมทำคือผมทำใบความรู้ เรื่องการเทียบอักษรอังกฤษ-ไทย แจกเด็ก สอนเด็กๆเทียบอักษรแบบคร่าวๆ หัดอ่านยี่ห้อสินค้าโดยอาศัยใบเทียบอักษรที่แจกไป จากนั้นบอกเด็กว่า ชั่วโมงต่อไปขอให้ทุกคนนำเสื้อยืดมาด้วยคนละตัว จะเป็นเสื้อยืดอะไรก็ได้ สีอะไรก็ได้ จะเก่าจะใหม่ก็ได้ไม่มีปัญหา

พอวันนั้นมาถึง ผมเข้าห้องสอนด้วยความมั่นใจ แล้วผมก็ให้เด็กนำเสื้อยืดออกมาสวมทับเสื้อนักเรียนอีกชั้นหนึ่ง เด็กๆตื่นเต้นกันมาก คุยกันลั่นห้อง ต่างก็อวดเสื้อของตนอย่างมีความสุข ผมบอกให้เด็กเงียบ แล้วสังเกตเสื้อยืดที่เด็กๆใส่มา เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆคือ เสื้อทุกตัวที่เด็กๆใส่ มีแต่ภาษาอังกฤษทั้งนั้น

ผมขออาสาสมัครมา 1 คน ชี้ที่อักษรบนหน้าอกเสื้อทีละตัวให้เด็กตอบว่าเป็นอักษรอะไร เด็กๆแย่งกันตอบเสียงดังลั่นไปหมด จากนั้นผมก็จะให้เด็กลองอ่าน โดยหัดให้เด็กสะกดคำแบบภาษาไทย
เผอิญเสื้อที่เด็กคนนั้นใส่มาเป็นเสื้อไอ้แมงมุม มีรูปมนุษย์แมงมุมเต็มหน้าอก และมีอักษร SPIDER MAN กำกับอยู่ พอให้เด็กอ่านเท่านั้นแหละ เสียง “สไปเดอร์แมน ๆ ๆ” ดังลั่นห้องไปหมด ผมต้องให้เด็กเงียบเสียงลง แล้วก็เทียบอักษรให้เด็กดูว่า ทำไมจึงอ่านว่า “สไปเดอร์แมน” แล้วก็สอนเสียงสระเพิ่ม คือ er = เ - อร์

ตอนหลังพอขออาสาสมัครอีก เด็กจะแย่งกันออกมาหน้าห้องเพราะอยากโชว์เสื้อของตน และอยากทราบว่าอักษรที่เสื้อของตนนั้นอ่านว่าอย่างไร ผมให้อาสาสมัครออกมาอีก 4-5 คนจึงหยุด แล้วก็บอกให้เด็กจับคู่กับเพื่อน ให้ดูว่าเสื้อของเพื่อนมีอักษรอะไรบ้าง อ่านได้ไหม ถ้าอ่านไม่ได้ให้จดใส่กระดาษแล้วออกมาถามผม

จากนั้นจึงให้จับกลุ่ม 4-5 คน จดอักษรบนเสื้อของทุกคนลงสมุด (ถ้าอักษรมากเกินไปก็ตัดออกบ้างเพื่อความเหมาะสม) แล้วให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าห้องกลุ่มละ 1 คำ โดยให้เลือกคำที่กลุ่มตนเองมั่นใจมากที่สุด ในขั้นตอนนี้ผมสามารถสอดแทรกการเทียบอักษร และการอ่านได้อีกมากมาย รวมทั้งยังอธิบายความหมายของคำบางคำบนเสื้อได้อีก

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสร่วมจัดค่ายภาษาอังกฤษกับคณะครูโครงการสองภาษา และมีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนให้เด็กพักทานข้าวกลางวัน ผมได้นำเทคนิคนี้มาใช้

ผมเห็น Mr. Kayne ใส่เสื้อยืด แล้วมีอักษรที่หน้าอกว่า Climbing Dog ผมให้เด็กอ่านอักษรทีละตัว แล้วให้อ่านเป็นคำ แล้วลองถามเด็กถึงคำว่า Climbing ว่ามาจากคำว่าอะไร และแปลว่าอะไร เด็กๆตอบได้ เพราะเป็นเด็กโครงการสองภาษา ลองให้เด็กแปลเป็นภาษาไทย เด็กๆแปลว่า หมากำลังปีนต้นไม้บ้าง หมากำลังไต่เขาบ้าง ส่วนผมเองนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าหมายถึงอะไรกันแน่ ผมจึงขอให้ Mr. Kayne บอกความหมายที่แท้จริง Mr. Kayne บอกว่าเป็นกีฬาไต่หน้าผา ที่กำลังนิยมเล่นกันอยู่ทั่วไป พอผมพิจารณาที่หน้าอกเสื้อของ Mr. Kayne ผมก็เห็นรูปคนกำลังเล่นกีฬาชนิดนี้จริงๆ

อันที่จริงแล้ว เทคนิคเรียนภาษาอังกฤษจากเสื้อยืด ยังสามารถนำไปดัดแปลงในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เด็กๆได้อีกมากมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านมีแนวทางและความคิดต่อยอดอย่างไร สำหรับสิ่งที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ผมได้ลองใช้เท่านั้น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเขียนชิ้นนี้คงให้แนวคิดใหม่ๆแก่ท่านผู้อ่านบ้างนะครับ





มณเฑียร ฤกษ์วิสาข์






-----------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น: